Our View? “บรรยากาศการเก็งกำไร”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,660 / 1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,675 คาดตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐเดือน ส.ค. คาดจะออกมาที่ระดับ +8.1% YoY และ -0.1% MoM สะท้อนทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และคาดจะช่วยให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในระยะถัดไป โดยเราคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในเดือน ก.ย. นี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะทยอยปรับลดระดับการขึ้นดอกเบี้ยลงในการประชุม FOMC ครั้งถัดๆ ไป มองเป็นปัจจัยช่วยให้บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงดูน่าสนใจมากขึ้น ขณะที่ทิศทาง Dollar Index ยังคงอยู่ในภาพการอ่อนตัวลงสอดคล้องกับมุมมองดังกล่าว โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 108.3 หลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 10.78 ก่อนหน้าคาดจะส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าได้บ้างเป็นปัจจัยดึงดูดความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคในแง่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เราแนะนำระมัดระวังแรงขายทำกำไรบ้างหลังการประกาศตัวเลขดังกล่าว โดยราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นมาเร็วรับรู้ประเด็นดังกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ยังอยู่ในภาพการรีบาวด์ขึ้นปิดที่ระดับ 87.78 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.99 ดอลลาร์ (+1.14%) โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลภาวะอุปทานตึงตัวจากการที่สหภาพยุโรป (EU) จะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย โดยการกำหนดเพดานน้ำมันรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค. ขณะที่รัสเซียมีแนวโน้มระงับการส่งพลังงานให้กับ EU หาก EU บังคับใช้มาตรการดังกล่าว คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรามองแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงตามความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจากการคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ และการออกมาตรการ Lockdown ของจีน คาดยังเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลงได้ต่อในระยะกลางในด้านอุปสงค์อ่อนแอ มองการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงานเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) ซึ่งเป็นต้นทุนลดลงต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาพลังงาน

ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยที่อยู่เหนือระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ –0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น

ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ตามทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้-ช่วงปีหน้า

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้

กลยุทธ์

ทยอยซื้อสะสม “BGRIM” แนวรับ 37.50 / 37.00 Target 40.00 / 42.00 Stop <36.50

ทยอยชื้อสะสม “VGI” แนวรับ 4.42 / 4.40 Target 4.60 / 4.80 Stop <4.38

- Advertisement -