บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ขยายตัว (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนมาจากส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนและส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์  ในทางกลับกันเนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงพีคซีซั่นของพายุเฮอริเคน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่น  นอกจากนี้ฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วงกำลังใกล้เข้ามา ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้อุปทานตึงตัว และหนุนค่าการกลั่นให้ปรับตัวดีขึ้น

ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหนุนมาจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ดีขึ้นและการคาดการณ์ว่าอุปทานจะดึงตัว นอกจากนี้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น หนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลดลง ทั้งนี้เรายังคงชอบ IVL มากที่สุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกำไรหลักปี 2022 รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุน และ/หรือ การเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้น 2.28 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 8.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนมาจากส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนและส่วนต่างราคานํามันเตาที่สูงขึ้น อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศอินเดียและ เวียดนามและสต็อกในประเทศสิงค์โปร์และสหรัฐฯ ที่ลดลง หนุนให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 4.43 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 10.85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกมากที่สุดต่อ SPRC) นอกจากนี้ ต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมาก และคาดการณ์ที่อุปทานจะตึงตัวจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำารุงโรงกลั่นหนุนส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูงให้ปรับตัวขึ้น 0.70 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ -23.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติดลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ในทางตรงกันข้ามอุปสงค์ที่ชะลอตัวจากประเทศจีนจากการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19, อุปสงค์ในภูมิภาคที่อ่อนตัวลงในช่วงฤดูมรสุม, และการส่งออกที่มากขึ้นจากเอเชียเหนือกดดันส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลให้ปรับตัวลง 0.70 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 39.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 0.81 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 41.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น WoW

อุปสงค์ในภูมิภาคที่ฟื้นตัวและคาดการณ์ว่าอุปทานจะดึงตัวจากการหยุดซ่อมบำารุงโรงงานหลายแห่ง หนุนให้ราคาเอธิลีนปรับตัวขึ้น 60 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 1,051 เหรียญสหรัฐ/ตัน และหนุนให้ราคาโพรพิลีนทรงตัว WoW อยู่ที่ 865 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลง 13 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 632 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 73 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 383 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 13 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 233 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และ PP ปรับตัวขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบต้นน้ำที่ปรับตัวขึ้นหนุนให้ราคา HDPE ทรงตัว WoW ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา  ขณะที่อุปทานที่ตึงตัวหนุนให้ราคา PP ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 1,040 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทั้งนี้ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวลดลง หนุนให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวขึ้น 13 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 368 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวขึ้น 23 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 408 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบ เชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง Wow

ต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวขึ้น 5 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ที่ 505 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 33 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ในแดนลบที่ -134 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่ต้นทุนเอธิลีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนให้ราคา PVC ทรงตัว WoW อยู่ที่ 930 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง 30 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 423 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 3/65

อุปสงค์ในวงกว้างสำหรับน้ำมันสําเร็จรูปมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 จากมุมมองของอุปทานการปิดโรงกลั่น, การส่งออกที่ลดลงจากประเทศจีน, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จํากัดอุปทาน YoY อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปทานที่เพิ่มขึ้น มีแนวโน้มกดดันค่าการกลั่น QoQ ในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบ (crude premium) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ) ในไตรมาส 3/65 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ จากแนวโน้มดังกล่าว เราคาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวสูงขึ้น YoY แต่ปรับตัวลดลงลง QoQ ในไตรมาส 3/65

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผนหรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65

การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะหนุนอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในวงกว้างให้แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาล (โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์) โดยปกติจะเริ่มในไตรมาสที่สองและสิ้นสุดใน เดือน ส.ค. นอกจากนี้ โดยปกติแล้วไตรมาสที่สามจะเป็นช่วงที่อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลด้านอุปทาน กำลังการผลิตใหม่ที่เริ่มดำเนินงานในระหว่างไตรมาสและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นอาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในไตรมาส 3/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -