บล.บัวหลวง:

Tourism – ฟ้าใสสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว (OVERWEIGHT)

เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากการฟื้นตัวของกําไรที่ชัดเจน โดยเราคาดกำไรรวมของกลุ่มท่องเที่ยวที่เราให้คําแนะนําในปี 2566 จะกลับไปอยู่ในระดับ 60% ของปี 2562 และจะเติบโต 26% จากปี 2562 ในปี 2567 โดยเราชอบ AOT และ AWC มากที่สุด AOT เป็นผู้ที่จะได้ประโยชน์หลักสําหรับการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ AWC เป็นหุ้นที่เราชอบที่สุด สําหรับภาพการเติบโตในช่วงหลังโควิด (รวมอสังหาฯใหม่ๆ) และ PEG ที่ด่า

กิจกรรมการท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2565

นักท่องเที่ยวขาเข้าประเทศไทยได้เกินกว่า 1 ล้านราย/เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 โดยยอดรวม 8 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 4.6 ล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่าเป้าหมายจํานวนนักท่องเที่ยว 10 ล้านรายในปีนี้นั้นเป็นไปได้ โดยมีปัจจัยหนุนมาจาก 1) ประเทศไทยกลับมาเป็นปกติแล้ว โดยยกเลิกข้อจํากัดการเดินทางเข้าประเทศและสนับสนุนการท่องเที่ยว 2) ราคาห้องพักของโรงแรมในประเทศไทยยังคงต่ำกว่าปี 2562 (ตรงกันข้ามกับของประเทศสิงค์โปรที่เฉลี่ยสูงสุดในรอบ 6 ปี) และ 3) ธุรกิจไมซ์ของประเทศไทยมีความน่าดึงดูดกว่าฮ่องกงและจีน (จากข้อจํากัดเพื่อควบคุม การระบาดของโควิด) หรือสิงค์โปร์ (แพง) ทั้งนี้อีเว้นท์ที่จ่อคิวเข้ามาของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ปัจจุบันมีเนื้อที่ 3 แสนตร.ม. ซึ่งมากกว่าก่อนกว่า 5 เท่า) จะหนุนมุมมองเชิงบวกของเราต่อภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์

เราชอบ AOT และ AWC มากที่สุดในกลุ่ม

AOT เป็นหุ้นที่เราชอบที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว ตั้งแต่เราเริ่มให้คำแนะนํากลุ่มนี้ในเดือน เม.ย. 2565 แต่เราได้เปลี่ยนหุ้นที่ชอบที่สุดของกลุ่มโรงแรมไปเป็น AWC (จาก MINT) ธุรกิจโรงแรมของ AWC (70% ของรายได้ปี 2566) จะเป็นปัจจัยหนุนหลัก ขณะที่ธุรกิจค้าขายของบริษัท (โดยปกติจะ อยู่ที่ 30% ของรายได้) กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เราคาดรายได้จากธุรกิจโรงแรมในปี 2566 จะมาจาก กทม. 56% (ธุรกิจไมซ์ อาหารและเครื่องดื่ม และโรงแรมในเมือง) รีสอร์ทหรู 18% และโรงแรมนอก กทม. 26% ทั้งนี้ โรงแรมของ AWC ในพื้นที่ กทม. จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากนักท่องเที่ยว นักธุรกิจและลูกค้าสําหรับธุรกิจไมซ์ที่จะเข้ามาในประเทศไทย นอกจากภาพการฟื้นตัว บริษัทมี 12 โรงแรมที่จะเปิดตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (จาก 20 โรงแรม ณ สิ้นปี 2565) เราคาดจะเห็นการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรปี 2567-69 ที่ 66% ซึ่งขยายตัวเร็วที่สุดในกลุ่มที่เราให้คําแนะนํา

มูลค่ายังคงถูก

เนื่องจากเราคาดสถานะทางการเงินจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปี 2568 โดย PER/การเติบโตของกำไร (PEG) อิงจาก PER ปี 2567/การเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2567-69 โดย AOT มี PEG ที่ต่ำที่สุดที่ 0.77 AWC อยู่ที่ 0.88 MINT อยู่ที่ 1.03 CENTEL อยู่ที่ 1.38 และ ERW อยู่ที่ 1.47 อิงจากการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรปี 2567-69 ที่แข็งแกร่งของ AOT และ AWC สัดส่วน PEG ที่ต่ำของทั้งคู่ จึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อและถือสําหรับระยะยาว นอกจากนี้เรายังดูราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมในปัจจุบันเทียบกับมูลค่าทดแทน AWC ซื้อขายที่พรีเมี่ยมมากกว่ามูลค่าทดแทน 31%, ERW ที่พรีเมี่ยม 13% และ CENTEL ที่พรีเมี่ยม 43% เราชอบ AWC ทรัพย์สินฟรีโฮลด์ในสถานที่พรีเมี่ยม และโอกาสในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นเรียงตามลำดับดังต่อไปนี้ AOT AWC ERW CENTEL และ MINT

- Advertisement -