Our View? “ความหวังที่มลายหายไป”
คาดตลาดวันนี้ “ลง” มองแนวรับที่บริเวณ 1,645 / 1,630 และแนวต้านที่บริเวณ 1,655 / 1,660 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. ของสหรัฐ ออกมาอยู่ที่ระดับ +8.3% YoY และ +0.1% MoM แม้จะลดลงจากเดือนก่อนหน้าแต่มากกว่าตลาดคาด แม้ราคาน้ำมันในเดือน ส.ค. จะอ่อนตัวลงก็ตาม สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง โดยราคาสินค้าและบริการต่างๆ ล้วนเร่งตัวขึ้น กระตุ้นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังคุมเข้มทางนโยบายทางการเงินต่อไป โดยล่าสุด CME FEDWatch Tools เริ่มมีการปรับน้ำหนักโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือน ก.ย. เป็นพื้นที่ 100% ที่ความน่าจะเป็น 38.0% จากก่อนหน้าที่ไม่เคยให้น้ำหนักเลย และขึ้นที่ 0.75% ที่ระดับ 62.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีคาดการณ์ไปมากกว่าระดับ 4.00% แล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นไปถึงไปอยู่ในช่วง 4.25-4.50% ในช่วง 1H’66 สะท้อนความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงได้อีกครั้ง
ในส่วนของ Dollar Index เร่งตัวขึ้นแรงอีกครั้งอยู่ที่ระดับ 10.0 (+1.58%) จากความกังวลดังกล่าว คาดจะกดดันทิศทางค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าได้อีกครั้งในระยะสั้น คาดจะกดดันทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยให้ชะลอตัวลงไป กดดันทิศทางหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้ว ปิดที่ระดับ 87.31 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.47 ดอลลาร์ (-0.54%) คาดได้รับแรงกดดันจากการเร่งตัวขึ้นของ Dollar Index เช่นกัน รวมทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงลบต่ออุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงตามความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจากการคุมเข้มนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ คาดยังเป็นปัจจัยหลักกดดัน
ทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลงได้ต่อในระยะกลางในด้านอุปสงค์อ่อนแอ แต่มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) ตามทิศทางราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนมีโอกาสลดลงต่อเนื่อง
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะนำติดตามการประชุมของ กสทช. เกี่ยวกับประเด็นอำนาจในการอนุญาตการควบรวมกิจการของ TRUE-DTAC คาดจะส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่ม ICT ผันผวนได้ ทั้งนี้เรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทยที่อยู่เหนือระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ −0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจํากัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น
โดยเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) และกลุ่มขนส่ง (BEM และ BTS) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ตามทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้-ช่วงปีหน้า
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “ADVANC”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 194.50 / 194.00 Target 198.00 / 205.00 stop <193.50