เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าตลาดคาด กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปรับตัวลง 3.94% หลังจากที่สหรัฐฯเปิดเผยเงินเฟ้อประจำเดือน ส.ค. ขยายตัว 8.3%YoY 0.1%MoM สูงกว่าตลาดคาดที่ 8.1%YoY -0.1%MoM ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 6.3%YoY 0.6%MoM สูงกว่าตลาดคาดที่ 6.1%YoY 0.3%MoM ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.9% นักลงทุนกลับมากังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ระยะสั้นเป็นลบต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP)
Market Outlook
สำหรับเงินเฟ้อสหรัฐฯ หากพิจารณาองค์ประกอบภายในจะพบว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง MoM เป็นระยะเวลา 2 เดือนติดต่อแล้ว แต่ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ ราคาอาหาร ค่าไฟฟ้า การให้บริการทางการแพทย์ ภาคอสังหาฯ ราคารถยนต์ สะท้อนถึงการส่งผ่านราคาออกไปเรื่อยๆ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานดูน่ากังวลอีกครั้งด้วยการเร่งตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือน มองเป็นปัจจัยกดดันต่อความหวังว่าเงินเฟ้อจะคลี่คลายลงจากนี้ ขณะที่ความเห็นของ CME FED Watch มีการปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างชัดเจน ด้วยการปรับน้ำหนักดอกเบี้ยในเดือนกันยายนของ FED โดยโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เริ่มลดลงเหลือเพียง 67% จากก่อนหน้าที่ 91% แต่พบว่าน้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ย 1% กลับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจาก 0% ขึ้นมาทดสอบ 33% ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับ Dollar Index กลับมาแข็งค่าและกดดันเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง โดยระมัดระวังกระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับ เนื่องจากก่อนหน้าเริ่มเห็นแรงซื้อสุทธิเข้ามา 2 วันติดต่อ ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้น Nikkei ปรับลงอย่างมีนัยยะราว 2.57% ก็เชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX ในวันนี้ให้ปรับตัว ลดลง ประเมินกรอบ 1630 – 1660
ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต Bloomberg ประเมินว่าจะขยายตัว 8.8%YoY หากประกาศออกมาเร่งแรงกว่าตลาดคาดการณ์ก็จะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อเนื่อง เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำลดพอร์ตการลงทุนต่อเนื่อง เพราะตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อทรงตัวสูง ดอกเบี้ยเร่งขึ้น ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีโอกาสปีหน้าจะเผชิญ ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้นเน้นไปที่ Defensive Stock อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) สื่อสาร (ADVANC) กลุ่ม Domestic อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL) เนื้อสัตว์ (CPF GFPT TFG)
Pi Stock Picks
BCH (ถือ/ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท)
โรงพยาบาลใหม่ 3 แห่งของบริษัท (อรัญประเทศ ปราจีนบุรี และเวียงจันทน์) มี EBITDA เป็นบวก และจะช่วยหนุน การเติบโตหลังช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้ ส่วนการเปิดศูนย์รักษาแผลเบาหวานแห่งใหม่ในวันที่ 21 พ.ค. 2022 ศูนย์ การแพทย์พิเศษ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูในช่วงโควิด-19 จะช่วยหนุนส่วนแบ่งในธุรกิจที่ไม่ใช่โควิด-19 ได้อีกแรง
ADVANC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 246.00 บาท)
เชื่อว่ายอดขายจะโตดีขึ้นใน 2H22 เพราะ 1) การขยายกิจการบรอดแบนด์ไปยังพื้นที่ชนบทใหม่ที่มีการแข่งขันต่ำ 2) การที่บริการคลาวด์และ Disney Plus ยังมีอุปสงค์แข็งแกร่งต่อเนื่อง และ 3) คาดสงครามราคาจะไม่แย่ไปกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน