บล.บัวหลวง:

Finance – ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาพที่ปรับตัวดีขึ้น (NEUTRAL)

ตลาดมีความกังวลต่อแนวโน้มหนี้เสีย และการตั้งสำรองในครึ่งหลังของปี 2565 ของกลุ่มการเงิน แต่ตัวเลขดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาพแสดงให้เห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์กำลังปรับตัวดีขึ้น โดยหลายบริษัทด้านการเงินที่เราให้คำแนะนำ (ไม่รวมธุรกิจ AMC และ NCAP) ซื้อขายบนมูลค่าที่ถูก (โดยมี PER ปี 2565 ที่เพียง 16-22 เท่า) ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อหุ้นกลุ่มการเงิน ยกเว้น NCAP และยังคงให้น้ำหนักการลงทุนที่เท่ากับตลาด

ตัวเลขดัชนีวัดทางเศรษฐกิจมหภาพ แสดงให้เห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์กำลังปรับตัวดีขึ้น…

ตลาดมีความกังวลต่อหนี้เสีย และการตั้งสำรองของกลุ่มการเงิน เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าอ่อนแอในไตรมาส 2/55 (ค่าครองชีพที่สูงขึ้นกดดันกำลังการใช้จ่าย กอปรกับบางบริษัทการเงินผ่อนคลาย มาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อเพื่อเร่งการเติบโตของสินเชื่อ โดยเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง) แต่ตัวเลขดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาพหลายอย่างหนุนให้เราเชื่อว่าการบริโภคกำลังจะปรับตัวขึ้น จาก 1) ดัชนีผู้บริโภคปรับตัวขึ้นจาก 134.1 ในเดือน พ.ค. 2565 มาเป็น 142 ในเดือน ก.ค. และ 2) ดัชนีรายได้เกษตรกรปรับตัวขึ้นจาก 176.8 ในเดือน มิ.ย. 2565 ไปเป็น 177.5 ในเดือน ก.ค.

การบริโภคและรายได้เพิ่มขึ้นในด่างจังหวัด ชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ในตลาดสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารได้ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นในกรอบ 5-8% (ขึ้นอยู่กับจังหวัด) เริ่ม 1 ต.ค. จะหนุนการ บริโภคและรายได้ในไตรมาส 4/65 นอกจากนี้ การเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการจ้างงาน ซึ่งจะยกระดับเศรษฐกิจในวงกว้าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า มีผู้โดยสารขาเข้า 1.12 ล้านคนในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 46% MoM (และเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่มีจำนวนเกิน 1 ล้านคน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประมาณการเบื้องต้น จํานวนผู้โดยสารขาเข้าเดือน ส.ค.ที่ 1.43 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27% MoM

…และการเติบโตของสินเชื่อ (โดยเฉพาะการใช้จ่ายบัตรเครดิต)

เราคาดการใช้จ่ายบัตรเครดิดจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและร้านอาหาร ทั้งนี้เราคาดสินเชื่อที่เติบโตของกลุ่มการเงินตลอดครึ่งหลังของปี 2565 หนุนมาจากการขยายสาขาและปัจจัยทางฤดูกาล KTC และ TIDLOR จะเป็นผู้นำการเติบโตของสินเชื่อ QoQ ที่ 10% และ 5% ตามลำดับ ในไตรมาส 3/65 ในทางตรงกันข้าม เราคาดพอร์ตสินเชื่อของ NCAP จะหดตัว 1% QoQ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทเน้นการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ (สัดส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวม ในปัจจุบันอยู่ที่ 2.07% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นจาก 1.44% ณ สินเดือน มี.ค. และอัตราการตั้งสํารองที่ 13.9% ในไตรมาส 2/65 ปรับตัวขึ้นจาก 10.5% ในไตรมาส 1/65)

คาดกําไรกลุ่มการเงินที่เราให้คำแนะนำในไตรมาส 3/65 และปี 2565 จะปรับตัวขึ้น YoY

เราประมาณการกำไรรวม (ไม่รวมธุรกิจ AMC) ที่ 5.3 พันล้านบาท สำหรับไตรมาส 3/65 (ปรับตัวขึ้น 18% YoY) และ 2.14 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2565 (ปรับตัวขึ้น 12% YoY) หนุนมาจากการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (จากปัจจัยทางฤดูกาลที่ยอดขายประกันจะเยอะ) เราคาด KTC จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไร YoY ที่ 31% ในไตรมาส 3/65 และ 22% ในปี 2565 ในทางตรงกันข้ามเราคาด NCAP จะรายงานกําไรที่ลดลง YoY ถึง 61% ในไตรมาส 3/65 และ 52% ในปี 2565 (กำไรน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/65)

- Advertisement -