ANAN แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 1.40 บาท

ศาลปกครองสูงสุดนัดพิจารณาไต่สวนคดีกรณี Ashton Asoke นัดแรกในวันอังคารนี้ โดยเราคาดว่าสำหรับกรณีนี้คดีความน่าจะข้อสรุปภายในสิ้นปี โดยเราประเมินศาลอาจยืนคำตัดสิน ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะมี discount อย่างมากเมื่อเทียบมูลค่าทางบัญชี แต่เรายังคงคำแนะนำแค่ถือ ANAN โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 1.40 บาท เพราะเรามองว่าผลประกอบการยังมีแนวโน้มอ่อนแอและมีความเสี่ยงเรื่องคดีความ

ศาลปกครองสูงสุดจะเริ่มไต่สวนนัดแรกวันอังคารนี้

ศาลปกครองสูงสุดมีกำหนดพิจารณาคดี Ashton Asoke ครั้งแรกในวันอังคารนี้ (20 กันยายน 2022) ซึ่งคดีนี้เป็นคดีความเดิมที่ทางสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับพวกรวม 16 คนยื่นฟ้อง รฟม. และ กทม. ตั้งแต่ปี 2016 โดยศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว (2021) อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลปกครองส่งผลให้ต้องเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการ Ashton Asoke ซึ่งส่งผลกระทบกับ ANAN และลูกค้าอีกกว่า 600 ราย ดังนั้น ANAN และลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจึงยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว ทั้งนี้ หลังจากกรณีพิพาทที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน เราคาดว่าคดีนี้จะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

เราคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

เราคาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นว่า รฟม. ไม่มีสิทธิ์อนุญาตให้ ANAN นำพื้นที่สาธารณะไปใช้ประโยชน์ ดังนั้น ใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการ Ashton จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเราจึงเชื่อว่า ANAN น่าจะยื่นฟ้อง รฟม. และ กทม. เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากคดีของ Ashton อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าการดำเนินการดังกล่าวยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะได้ข้อสรุป โดยในกรณีเลวร้ายที่สุด ANAN อาจจะต้องตั้งสำรอง 5-6 พันล้านบาทสำหรับการฟ้องร้องของโครงการ Ashton Asoke (มูลค่าโครงการ 6.5 พันล้านบาท) เพื่อจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกค้าซึ่งจะทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมาก

ราคาหุ้นมี discount อย่างมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน

ถึงแม้ว่าหุ้น ANAN จะมี discount จากมูลค่าทางบัญชีถึง 50% แต่เรายังคงคำแนะนำแค่ ถือ สำหรับ ANAN โดยประเมินราคาเป้าหมายที 1.40 บาท เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนแอ และมีความเสี่ยงจากคดีของโครงการ Ashton Asoke ทั้งนี้ ANAN มีผลขาดทุนต่อเนื่องมาสี่ไตรมาสติดต่อกันแล้ว เพราะไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่พร้อมโอน โดย ANAN มีกำหนดจะโอนสามโครงการใหม่ในปีนี้ แต่ผลประกอบการจะยังเปราะบางอยู่ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงที่อาจจะต้องตั้งสำรองก้อนใหญ่จากคำพิพากษาศาลในคดี Ashton อโศกอีกด้วย