Our View? “รอ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,625 / 1,620 และแนวต้านที่บริเวณ 1,635 / 1,640 เราคาดว่าทิศทางตลาดในสัปดาห์นี้จะให้น้ำหนักไปกับการติดตามการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) วันที่ 20-21 ก.ย. นี้ เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางตลาดในช่วงการประชุมได้อยู่ โดยล่าสุด CME FEDWatch Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือสะท้อนคาดการณ์ดอกเบี้ยของ FED บ่งชี้ว่าตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% กว่า 80.0% ขณะที่อีกส่วนมองว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 1.00% ที่น้ำหนักราว 20.0% อีกทั้งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) ยังคงอยู่ในระดับสูงคาดจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาแกว่งตัวออกด้านข้างในกรอบแคบ โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่โอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยตามการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ คาดจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงยังเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลงได้ต่อในระยะกลาง ในด้านอุปสงค์อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) ตามทิศทางราคาพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนมีโอกาสลดลงต่อเนื่องในระยะถัดไป

ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรามองตลาดอาจเผชิญความไม่แน่นอนของทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ ในระยะสั้นในแง่ของค่าเงินบาทที่ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญในโซน 37.0 บาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติอาจระมัดระวังการลงทุนในระยะสั้น เพื่อประเมินทิศทางค่าเงินได้อีกครั้ง ทั้งนี้เรายังคงมุมมองให้ระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากตลาดหุ้นไทยที่อยู่เหนือระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะกดดันทิศทางตลาดได้ ซึ่งทำให้เราคาดว่าในระยะถัดไป ต่อจากนี้อาจเห็นตลาด Rotate กลุ่มในตลาดหุ้นไทยจากกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงก่อนหน้า อาทิ หุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, SPRC และ BCP), ปิโตรเคมี (IVL และ PTTGC) และ โรงพยาบาล (BH และ BDMS) เข้าหาหุ้นในกลุ่มที่ยัง Laggard และมีแนวโน้มที่กำไรจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4 อาทิ หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC และ MAKRO), รับเหมาก่อสร้าง (CK, STEC, ITD และ SYNTEC), สื่อ-โฆษณา (PLANB และ VGI) อาหารและเครื่องดื่ม (TKN, SUN, CFRESH และ ASIAN) และหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ได้บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “PLANB”

กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 7.00 / 6.85 Target 7.60 / 7.95 Stop <6.75

- Advertisement -