บล.บัวหลวง:

Chemical – กลยุทธ์สำหรับไตรมาส 4/65: เลือกลงทุนในหุ้นที่แนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง (NEUTRAL)

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์ในประเทศจีน, ช่วงโลว์ซีซัน, และการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ มีแนวโน้มที่จะกดดันส่วนด่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 4/65 อย่างไรก็ตาม เรามองว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปในราคาแล้ว ดังนั้นเราจึงยังคงให้นํ้าหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยชอบ IVL มากที่สุดใน กลุ่ม

อุปสงค์อ่อนตัว, ช่วงโลว์ซีซัน, กำลังการผลิตใหม่จะกดดันส่วนต่าง

ราคาในไตรมาส 4/65 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องในประเทศจีน, และช่วงโลว์ซีซัน จะกดดันอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 4/65 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้การเริ่มดาเนินงานเชิงพาณิชย์ของกําลังการผลิตใหม่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 4/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว (หรืออ่อนตัวเล็กน้อย) QoQ ในไตรมาสดังกล่าว

อุปทานที่มากขึ้นจะกดดันส่วนต่างราคาโอเลฟินส์ในปีนี้

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้อุปสงค์ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (PE และ PP) ปรับตัวลดลงบางส่วนในครึ่งหลังของปี 2565 นอกจากนี้จะมีกำลังการผลิดใหม่จํานวนมากเพิ่มเข้ามาในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ในปี 2565 ดังนั้นเราจึงคาดการณ์เชิงอนุรักษ์นิยมว่าส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาจะลดลง 17% YoY มาอยู่ที่ 455 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่ส่วนต่าง PP เทียบแนฟทาคาดว่าจะอ่อนตัวลง 37% YoY มาอยู่ที่ 425 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 2565

อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นจะหนุนส่วนต่างราคาอะโรเมติกสในปี 2565

ตลาดอะโรเมติกส์ (PX และเบนซิน) มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 หนุนมาจากอุปสงค์ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามจะมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วงปีนี้ ถึงแม้ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาจํานวนมาก แต่ด้วยอุปสงค์ที่ เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะหนุนให้ส่วนต่างราคา PX เทียบกับแนฟทาปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% YoY ไปอยู่ที่ 295 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 2565 ในขณะที่ส่วนต่างราคาเบนซีนเทียบกับแนฟทาคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4% YoY ไปอยู่ที่ 280 เหรียญสหรัฐ/ตันในปี 2565

ภาวะอุปสงค์และอุปทานที่ดึงตัวน้อยลงจะส่งผลให้ส่วนต่างราคา PET อ่อนตัวลงในปีนี้

สําหรับตลาดสายผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ ส่วนต่างราคา PET คาดว่าจะอ่อนตัวลง YoY ในปี 2565 เนื่องจากภาวะอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัวน้อยลง เนื่องจากในครึ่งแรกของปี 2564 เกิดปัญหาอุปทานชะงักงันเนื่องจากพายุฤดู หนาวในสหรัฐ ในขณะที่ส่วนต่างราคา PTA มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น YOY ในปี 2565 หนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ขณะที่กำลังการผลิตไม่มากนัก

แนวโน้มส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ชะลอตัวได้ถูกสะท้อนไปในราคาแล้ว

มูลค่าหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในปัจจุบัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PBV ) ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 และค่าเฉลี่ยระยะยาว เรามองว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบัน ที่ยังคงถือว่าถูกได้สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัว และแนวโน้มส่วนต่างราคาปิโตร เคมีที่ลดลงในปี 2565 ไปในราคาแล้ว และน่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้นปิโตรเคมี

 

- Advertisement -