KS Daily View 20.09.2022 > ตลาดหุ้นโลกรอประชุมธนาคารกลางทั่วโลก แนะนำเน้นหุ้นกลุ่ม Anti Commodity/ Domestic SET วันนี้คาด 1620 -1640 จุด หุ้นแนะนำ PTG

ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

ต่างประเทศ :  เมื่อคืนดัชนี Dow jones +0.64%, NASDAQ +0.76% ตลาดหุ้นสหรัฐ Rebound ขึ้นนำโดยกลุ่ม Consumer Discretionary 1.34%, Utilities 1.32%, Financial 1.12%

ในประเทศ :  SET Index เมื่อวานแกว่งตัวออกข้างตามคาด (+0.07%DoD)  Sector ที่ปรับขึ้นเด่นคือกลุ่มธนาคาร BBL +1.5%, SCB +1% กลุ่มสายการบินและโรงแรม ERW+2.6%, CENTEL+2.2%, BA+2%, AAV+1% ส่วนกลุ่มที่ปรับลงหลักๆ คือกลุ่มค้าปลีก BJC -3.7%, CPALL -1.3%, MAKRO -1%, HMPRO -1.5%ฯลฯ  ส่วนประเด็นอื่นๆ

1.) กลุ่มท่องเที่ยว : รัฐบาลไทยเมื่อวานคงมุมมองการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัว คาดงวด 4Q65 จำนวนนักท่องเที่ยว 1.5 ล้านคนต่อเดือน และทั้งปี 65 ทะลุเป้า 10 ล้านคน ส่วนปี 2566 การท่องเที่ยวไทยกลับมาอยู่ในสัดส่วนเป็น 80%ของปี 2562(ก่อนโควิด-19) หรือราว  32 ล้านคน KS ประเมินเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวของ KS อาทิ AWC, ERW, CENTEL  เราคาดกำไรใน 4Q22 เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY และมองโมเมนตัมเชิงบวกต่อไปถึง 1Q23 ที่เป็นช่วง High season การท่องเที่ยว

2.) กบน.เมื่อวานมีมติตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลสัปดาห์นี้ไว้ที่ 34.94 บาทต่อลิตร  และจะไม่มีการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล การตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเก็บเงินเข้าในกลุ่มน้ำมันดีเซลลิตรละ 2 บาท เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  KS ประเมินเป็นสัญญาณบวกว่าในอนาคตมีโอกาสที่ราคาดีเซลจะเริ่มลดลงตามราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่น  โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลลดลงจะเป็นบวกกับกลุ่มปั๊มที่เน้นขายดีเซลจากค่าการตลาดที่ดีขึ้น  อาทิ PTG  กลุ่มขนส่งที่ต้นทุนการดำเนินการลดลง กลุ่มรถบรรทุกจากความเสี่ยง NPL ลดลงเพราะลูกค้ามีกำไรดีขึ้น  อาทิ THANI, ASK  กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนจากต้นทุนค่าครองชีพที่ลดลงทำให้ความเสี่ยง NPL ลดลง แนะนำ SAWAD

ประเด็นที่ต้องติดตาม

ต่างประเทศ :  ให้น้ำหนักการประชุมธนาคารกลางสำคัญต่างๆ หลายประเทศ  เริ่มจากวันนี้ ประชุมธนาคารกลางจีน PBOC คาดคงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม  วันที่ 20-21 ก.ย. ประชุม Fed ตลาดยังคงคาดการว่าจะเห็นการขึ้น 75bps  และวันที่ 22 ก.ย. ประชุมประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 2.25%  ส่วนไทย ประชุม กนง. วันที่ 28 ก.ย. คาดจะเห็นโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  25bps. เป็น 1% และอาจจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดย KS ประเมินทุกการขึ้น 25bps จะเป็น upsides ต่อกำไรปี 2023 ของธนาคาร  BBL, KTB, SCB ราวๆ +7%, BAY +5%, TTB และ KKP +1% ,TISCO กระทบ -2%

ในประเทศ :  ติตตามทิศทางการว่างงานของไทย ล่าสุดคือ เดือน ก.ค. ที่ 5.14 แสนคน หรือร้อยละ 1.3 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ปรับตัวลดลงจาก 5.80 แสนคน หรือร้อยละ 1.4 ในเดือน มิ.ย.65 และนับเป็นจำนวนผู้ว่างงานและอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีผู้ว่างงานสูงสุดที่ 8.70 แสนคน หรือร้อยละ 2.25 ในไตรมาสที่ 3/64 นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อสัปดาห์ในเดือน ก.ค. ก็พบว่ามีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่แรงงานจะมีรายได้จากการทำงานมากขึ้นด้วย โดยข้อมูลล่าสุดก็พบว่ากลุ่มผู้ทำงานตั้งแต่ 35-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีจำนวน 26.80 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 26.75 ล้านคนในเดือน มิ.ย. ขณะที่ผู้มีงานทำ 50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์มีจำนวน 7.01 ล้านคน เพิ่มจาก 6.52 ล้านคนในเดือน มิ.ย.65 สำหรับผู้ทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีจำนวน 5.67 ล้านคน ลดลงจาก 6.63 ล้านคนในเดือน มิ.ย. นอกจากจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้น การที่รัฐบาลปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอีก 5% ในเดือน ต.ค. จะช่วยให้รายได้ต่อหัวของประชากรสูงขึ้นและชดเชยผลลบจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มองเป็นบวกกับกลุ่ม Commerce และ Finance

กลยุทธ์การลงทุน : KS ประเมินวันนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว เนื่องจาก

1.) ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าแตะ 37 บาทจะทำให้แนวโน้ม  Flow ไหลออกช่วงสั้น

2.) โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำหลักๆยังคงเป็น  1.) กลุ่ม Anti commodity อาทิ  SCGP, TOA, EPG ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานปรับลง  2.) กลุ่ม Reopenning หุ้นโรงแรม AWC, หุ้นสื่อ : PLANB    ส่วนหุ้นกลุ่มที่อาจจะมีกระแสเก็งไร คือ กลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่า  กลุ่มประกันชีวิตจากแนวโน้ม Bond Yield ที่ปรับขึ้น

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1620 -1640 จุด หุ้นแนะนำ PTG

Top pick : 

PTG (ราคาทางพื้นฐาน 17.7 บาท)  แนะนำเก็งกำไร PTG

1.) เป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกที่เพิ่มขึ้นในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบเริ่มทรงตัวหรือปรับลดลง

2.) จำนวนผุ้ติดเชื้อ Covid ที่ลดลง บวกต่อธุรกิจเนื่องจากหนุนประชาชนเดินทางออกนอกบ้านใช้บริการเติมน้ำมันจากปั้มน้ำมันเพิ่มขึ้น

3) หุ้นซื้อขายที่ราคา PER ปี 2566 เพียง 14.9 เท่า หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ส.ค. คาด +2.6% YoY อัตราดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate ของจีน 1 ปี และ 5 ปี คาดคงดอกเบี้ยที่ 3.65% และ 4.3% ตามลำดับ ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมันเดือน ส.ค. คาด +1.5% MoM และ +37.5% YoY ตัวเลข Housing starts ของสหรัฐฯเดือน ส.ค. คาด 1.42 ล้านยูนิต (-3% MoM) ตัวเลข Building Permits ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 1.63 ล้านยูนิต (-1.8% MoM) และถ้อยแถลงของ ECB Lagarde

วันพุธ ติดตามตัวเลข Existing Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 4.7 ล้านยูนิต (-2.3% MoM) ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ ผลการประชุม FOMC คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75bps. เป็น 3.00%-3.25% ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของเฟด รวมถึง Dot plot ของเฟด

วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ส.ค. คาด +9.0% YoY และ 21.4% YoY ตามลำดับ และคาดไทยขาดดุลการค้า 2,870 ล้านเหรียญ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 50bps. เป็น 2.25% และตัวเลข Initial Jobless  Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์ คาด +218K

วันศุกร์ ติดตามตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของเยอรมันเดือน ก.ย. คาด 48.3 จุด (-1.6% MoM) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของยุโรปเดือน ก.ย. คาด 48.8 จุด (-1.6% MoM) S&P Global Services PMI Flash ของยุโรปเดือน ก.ย. คาด 49.1 จุด (-1.4% MoM) ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯเดือน ก.ย. คาด 51.2 จุด (ทรงตัว MoM) และ S&P Global Services PMI ของสหรัฐฯเดือน ก.ย. คาด 45 จุด (+3.0% MoM)

- Advertisement -