Daily Focus: Domestic and Selective Play

2022 SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบ ปิดบวกเล็กน้อย 1.17 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 6 หมื่นลบ. เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ส่วนหุ้นที่ประคองตลาดคือ DELTA และ PTTEP สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 888 ลบ.และ 639 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติกลับมา Short Index Futures หนาแน่นอีกครั้ง 1.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways กรอบ 1,625-1,640 จุด โดยมี Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวดีพอสมควรเมื่อคืนที่ผ่าน อย่างไรก็ตาม เราประเมิน Upside ยังจำกัด และตลาดต่างรอดูผลการประชุม FED คืนวันพุธนี้ โดยตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เพื่อดึงเงินเฟ้อให้ลงสู่กรอบเป้าหมายในระยะยาว ล่าสุด Bond Yield 2 ปีของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นต่อเนื่องเฉียด 4% ขณะที่ 10 ปีแตะ 3.5% ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ย งและยังเป็นสัญญาณเตือนเกิด Recession ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่คาดยังแข็งแรงกว่าจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะใน 4Q22 ที่จะเข้า High Season ของการท่องเที่ยว คาดหนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play รวมถึงทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง ช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทที่อ่อนในระยะนี้ รวมถึงคาดทำให้กระแสเงินทุนยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว เราประเมินระดับในการเข้าสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,600-1,610+- จุด

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600 – 1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : BBL

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 170 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BBL ที่จะได้อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า กลุ่ม Corporate ยังมีความต้องการสินเชื่ออยู่ในระดับสูง ขณะที่ความกังวลต่อคุณภาพหนี้จำกัดจากสำรองที่เพียงพอในปัจจุบัน

• เราคาดกำไรปี 2022-2023 +15% Y-Y และ +12% Y-Y ตามลำดับ ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PBV เพียง 0.5 เท่า ทำให้ Downside จำกัด และมีโอกาส Outperform ตลาด รวมถึงเป็นหนึ่งใน Top Pick กลุ่มธนาคาร

• แนวรับ 134//131 บาท แนวต้าน 138-140 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$297 ล้าน นำโดยไต้หวันเช่นเคย US$253 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้และอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานอย่างเบาบาง โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นแนวโน้มกระแสเงินทุนคาดยังเบาบางต่อเนื่อง รอดูผลการประชุม FED วันที่ 20-21 ก.ย. นี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) ตลาดยังจับตาการประชุมธนาคารกลางสัปดาห์นี้ โดยมีทั้ง FED BoE และ BoJ สำหรับ BoJ ตลาดคาดยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อจากเงินเฟ้อที่ยังไม่กดดัน และเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่วน BoE ตลาดคาดยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 0.5% เป็น 2.25% ตามเงินเฟ้อที่ยังยืนสูงราว 10% Y-Y ในเดือนล่าสุด ส่วน Highlight ยังคงอยู่ที่การประชุม FED ซึ่งตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่อีก 0.75% ด้วยความน่าจะเป็น 82% ซึ่งจะทำให้ FED Fund Rate ปรับขึ้นเป็น 3-3.25% รวมถึงเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปีนี้ มีตลาดคาดว่าจะทะลุแตะ 4.25% ณ สิ้นปี ภาพรวมยังคงเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า เรามองหุ้นในกลุ่มส่งออกยังได้อานิสงส์เชิงบวก และสามารถเก็งกำไรระยะสั้น ส่วนหุ้น Domestic และ Reopening Play คาดยังคงปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดหุ้นโลก

(+) KSL ยังมีปัจจัยบวกให้เก็งกำไรราคาหุ้น จากแนวโน้มราคาน้ำตาลที่อาจแกว่งตัวขึ้นในช่วง 2H22-2023 เบื้องต้นมองกรอบน้ำตาลปี 2023 ไว้ที่ 18-19.5 เซนต์ต่อปอนด์ ยังทรงตัวสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ย 2022 YTD ที่ 18.8 เซนต์ต่อปอนด์ แม้ตลาดคาดว่าภาวะน้ำตาลโลกปี 2022/2023 จะเกินดุลเป็นปีที่ 2 แต่ระดับเกินดุลไม่มากนักเพียง 2.69 ล้านตัน ขณะที่ยังมีความเป็นไปได้ที่ผลผลิตน้ำตาลอาจต่ำกว่าคาด นอกจากความผันผวนของสภาพอากาศแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องราคาพลังงานที่อาจปรับตัวสูงขึ้น และจะทำให้ถูกแย่งอ้อยไปใช้ผลิตเอทานอล แทนการผลิตน้ำตาล ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 2022-2023 จะสดใสต่อเนื่อง เพราะคาดปริมาณอ้อยไทยปี 2023 จะ +25% Y-Y และเริ่มล็อกราคาขายส่งออกน้ำตาลปีหน้าที่ราคาสูงไปแล้ว 50% เราปรับเพิ่มกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น +138% Y-Y และคาดกำไรปี 2023 +9% Y-Y ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 4.90 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 31,019.68 จุด เพิ่มขึ้น 197.26 จุด หรือ +0.64% โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุม FED ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเล็กน้อย โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนยังรอผลการประชุม FED

(+) ตลาดหุ้นไทย ปรับบวก ตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 36.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 85.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากภาวะน้ำมันตึงตัว พร้อมทั้งรอผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,678.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 957.95 / -2.90

- Advertisement -