บล.บัวหลวง:

Thai Market Strategy – เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย เศรษฐกิจชะลอ … คัดหุ้นเด่น ท่ามกลางความผันผวนทั่วโลก

ตลาดได้แกว่งไปมาจากความกลัวเงินเฟ้อ และความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ถ้าไม่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกน่าจะใกล้ถึงจุดพีคแล้วต่อจากนี้ ความเสี่ยงการปรับลดประมาณการกำไรจะเป็นปัจจัยหลักในไตรมาส 4 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้น เรามองว่าหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ภาพกำไรชัดเจน และมีความเสี่ยงถูกปรับลดประมาณการกำไรจะกลัมาโดดเด่น เราชอบหุ้นธีม ดังต่อไปนี้: 1) การฟื้นฟูหลังโควิด-19, 2) การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว, 3) หุ้น defensive growth และ 4) กำไรไตรมาส 3/65 (กำไรเติบโตแข็งแกร่งและส่วนลดจากราคา)

Too hot versus too cold

เรามองว่าตลาดได้สะท้อนความกังวลอัตราเงินเฟ้อไปแล้ว และได้เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกคาดถึงจุดพีค (หรือใกล้จุดพีค) ราคาน้ำมันดิบ ณ สิ้น เดือนส.ค. ลดลง 26% จากระดับสูงสุดในเดือนมี.ค. และดัชนีราคาอาหารของ FAO ชะลอตัวลง (เพิ่มขึ้น 8% YoY ในเดือนส.ค. เทียบกับ การเพิ่มขึ้น 34% YoY ในเดือนมี.ค.) แม้ว่าราคาค่าเช่าในสหรัฐอเมริกายังคงสูงขึ้น แต่ตลาดแรงงานเริ่มชะลอความร้อนแรงในเดือนส.ค. เราคาดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดในไตรมาส 2/65 และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะแตะจุดพีคในไตรมาส 3/65 ตามมาด้วยยุโรป ในไตรมาส 4/65

ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ แรง ในช่วงวันที่ 20-21 ก.ย. แต่ตราบใดที่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อหลักหลังจากนั้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ควรจะขึ้นเพียงเล็กน้อย  การปรับฐานของตลาดหุ้นจึงจะเป็นโอกาสในการซื้อหากไม่มีเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง

หุ้นที่คาดโดดเด่นท่ามกลางความผันผวนทั่วโลก

ภาพกำไรและความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณกำไรจะกลายเป็นเป็นจุดที่ตลาดให้ความสําคัญต่อจากนี้ เราชอบหุ้นที่มีการฟื้นตัวของกำไรดีหลังยุคโควิด รายได้ที่ชัดเจน และการลดราคาหุ้นกลับสู่สภาวะปกติ เช่น กลุ่มค้าปลีกและร้านอาหาร (อุปสงค์ที่ฟื้นตัว) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (ยอดจองที่ดินและยอดขายที่เพิ่มขึ้น) กลุ่มขนส่ง (การฟื้นตัวของการเดินทาง) และกลุ่มท่องเที่ยว (การผ่อนคลายข้อจำกัดการท่องเที่ยวข้ามประเทศ) จะหนุนโมเมนตัมต่อไป ในขณะที่หุ้น defensive growth ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มการแพทย์ คาดจะปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง

จับตาดูกําไรและการลดลงของเงินเฟ้อ

หุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรไตรมาส 3/65 ที่โดดเด่น เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (การลดลงของเงินเฟ้อและมาร์จิ้นขาขึ้น) และกลุ่มธุรกิจบริหารหนี้ (การเก็บเงินสดที่แข็งแกร่ง) อาจเป็น alpha plays และกลุ่มธนาคาร เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส 4/65 ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถดึงดูดให้เม็ดเงินการลงทุนของชาวต่างชาติไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยได้

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกว่าที่คาด 2) มาตรการจากทางภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ 3) อัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง 4) สถาณการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างภูมิภาค และ 5) บอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้นแรงเกินไป

- Advertisement -