บล.บัวหลวง:

Berli Jucker (BJC TB/BJC.BK)

BJC – เป็นมากกว่าร้านค้าปลีก

เรากลับมาวิเคราะห์ BJC อีกครั้ง โดยให้ค่าแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดที่ 40 บาท Big C ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศไทยในปีนี้ และซัพพลายเชนด้านการผลิตจะหนุนการเติบโตของกําไรในปี 2566 จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง ไตรมาส 3/65 จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของ BJC ในปี 2565 โดย PER อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี และเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2565 จะอยู่ที่ 3% “ซื้อ”

เป็นมากกว่าร้านค้าปลีก

BJC ไม่ได้เป็นเพียงผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ต (Big C อยู่ในอันดับที่สามในกลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของไทย) แต่ยังเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใหญ่ที่สุดในอาเชียน และผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียม สบู่ beauty bar และกระดาษ ทิชชู่รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นทั้งผู้ค้าปลีกที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศ และเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของประเทศไทยหลังโควิด-19 ที่สำคัญกว่านั้น เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัว เนี่องจากราคาวัตถุดิบหลักหลายรายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอะลูมิเนียมและน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มลดลง

Big C หนุนการเติบโตของกําไรปี 2565-66

เราคาดว่า Big C จะหนุนกำไรของ BJC ให้ฟื้นตัวในปี 2565 และในปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกและรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ประมาณการของเราบ่งชี้ว่ากำไรจากการดำเนินงานของ Big C เติบโตที่ 67% ในปี 2565 และ 12% ในปี 2566 ในขณะที่เราคาดปัจจัยขับเคลื่อนในปี 2565 คือการขยายตัวของยอดค้าปลีก รายได้ค่าเช่าศูนย์การค้า (ปัจจุบันประมาณ 80% ของระดับปี 2562) จะหนุนการเติบโตของกำไรในปี 2566

ธุรกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภคเห็นการฟื้นด้วของอัดรากำไร

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (PSC) และผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (CSC) น่าจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 2566 จากราคาอะลูมิเนียมและน้ำมันปาล์มที่มีแนวโน้มลดลง และราคาเยื่อกระดาษที่น่าจะแตะจุดสูงสุดในครึ่งหลังของปี 2565 เราคาดว่ากลุ่มบรรจุภัณฑ์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จะมีอัตรากําไรเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป ประมาณการของเราบ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้ PSC-CSC ที่รวมกันที่ 9% ในปี 2565 และ 3% ในปี 2566 ส่งผลให้กําไรจากการดำเนินงานของธุรกิจ PSC-CSC อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาทในปี 2565 (ลดลง 5% YoY) และ 5.3 พันล้านบาทในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 14% YoY) ) ซึ่งคิดเป็น 38% ของกำไรจากการดำเนินงาน โดยรวมของ BJC ในปี 2565 และ 39% ในปี 2566

ปี 2565 รายงานกำไรต่ำสุดในไตรมาส 3/65 คาดฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2566

ปัจจุบัน BJC ซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 22.0 เท่า ลงไปเกือบ 2 เท่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของค่าเฉลี่ย PER ในอดีต และต่ำสุดในรอบ 10 ปี เรามองว่าตลาดใต้สะท้อนการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในหมู่ผู้ค้าปลีกไปในราคาแล้ว  ดังนั้นความเสี่ยงด้านลบจึงค่อนข้างน้อย เรากลับมาวิเคราะห์ BJC อีกครั้ง โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 40 บาท

- Advertisement -