Daily Focus: Domestic and Selective Play

2022 SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวในแดนบวกสวนทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับลงรับผลการประชุม FED ดัชนีปิดบวกได้ 11.84 จุด หนุนโดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มโรงไฟฟ้าและธนาคาร เป็นต้น สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้น 822 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิหนาแน่น 2.3 พันลบ. (แต่ Short Index Futures 6.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ได้แข็งแรงกว่าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยใหม่ และยังคงตอบรับกับแรงกดดันของผลการประชุม FED ที่มีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเร็วและนานขึ้น ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯและค่าเงินดอลลาร์ขยับขึ้นต่อเนื่อง กดดันกระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม เรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงอานิสงส์บวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้นใน 2H22-2023 ตามการ Reopening เปิดประเทศและการถอด COVID-19 ออกจากโรคติดต่ออันตราย คาดยัง หนุนให้กระแสเงินทุนทยอยกลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว และช่วยลดแรงกดดันของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแรงในปัจจุบัน หุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play คาดยังแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด รวมถึงแนวโน้มกนง.ที่คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้ง 2 การประชุมที่เหลือของปี คาดหนุนกลุ่มธนาคารให้ Outperform ในระยะนี้ นอกจากนี้หากจังหวะดัชนีพักตัวลงหาบริเวณ 1,600-1,610+- จุด เรามองเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

  • แนะนํา “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 11 บาท
  • แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q22-4Q22 คาดฟื้นตัวดีแม้เป็น Low Season ได้แรงหนุนจากแผนออกสินค้าใหม่ 5-6 รายการใน 3 เดือนข้างหน้า ช่วยหนุน Utilization Rate เป็นบวกต่อทั้งรายได้และ Margin
  • ปัจจุบันยังคงเป้ารายได้ปีนี้ 6.5 พันลบ. +24% Y-Y สะท้อนว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตแข็งแรง เราคาดกําไร 3Q22 มีโอกาสทำจุดสูงสุดของปีก่อนอ่อนลงใน 4Q22 คาดกำไรปี 2022 จะทรงตัว Y-Y ก่อนเร่งตัว +15% Y-Y ในปี 2023
  • แนวรับ 9.10-9 บาท แนวต้าน 9.70-9.80 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$579 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$597 ล้าน แต่อาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทิศทางไหลเข้า นำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$56-62 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง และ Dollar Index ที่ยังยืนฝั่งแข็งค่า แต่คาดอาเซียนมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์การลงทุน 4Q22-2023 เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัวสวนทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แม้จะมีแรงกดดันจากทั้งเงินเฟ้อและนโยบายการเงินทั่วโลกที่ตึงตัวต่อเนื่อง และลากยาวถึงปี 2023 แต่เรามองหุ้นไทยกระทบจำกัดและแนวโน้มกระแสเงินทุนระยะกลาง-ยาวคาดยังมีโอกาสไหลเข้าจากสถานะต่างชาติที่ยัง Under Owned ขณะที่ทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2023 คาดยังเติบโตได้ต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มที่ อิงเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก อย่างกลุ่มขนส่ง ค้าปลีก รับเหมาฯ ธนาคาร เป็นต้น เราประเมิน SET Target ปี 2023 ที่ 1,760 จุดมี Upside 7% จากดัชนีปัจจุบัน หุ้นที่เราชอบยังคงเกาะ Theme Domestic และ Reopening Play โดยเลือก Top Pick ได้แก่ AOT BBL CK CPALL CPN JWD M NSL TU

(+) TFG จากการสัมภาษณ์ในรายการ Finansia Exclusive Talk โทนเป็นบวก ผู้บริหารมองราคาเนื้อสัตว์จะยังสูงถึงปี 2023 ระยะสั้นคาดกำไร 3Q22 ทำ New High ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้ารายได๋ปี 2022 ขึ้นเป็นโต 20-25% และคาดปีหน้าโตต่ออีก 10-15% ส่วนการขยายธุรกิจค้าปลีกจะช่วยหนุน Margin ให้ดีขึ้น และทำให้กำไรมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว ส่วนการขึ้นค่าแรงคาดกระทบจำกัด เรายังคาดกำไรปีนี้ +7.5x Y-Y และยังคาด Conservative ปีหน้า 17% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) TACC ผู้บริหารให้ภาพ 3Q22-4Q22 ยังสดใสตามการ Reopening คาดกำไร 3Q22-4Q22 ยังสดใสตาม Traffic ของ 7-11 ที่ฟื้นตัว และการออกเครื่องดื่มเมนูใหม่ ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 2022 เติบโต 8-10% และตั้งเป้าโตสองหลัก 10-15% ในปี 2023 ตามการขยาย 7-11 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวของ Character Business แนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบเริ่มปรับลดลงใน 2H22 และเรายังมองว่ามีโอกาสที่ TACC จะได้ปรับราคาขายขึ้นตาม All Café ที่ปรับเพิ่มราคาเครื่องดื่มวันพรุ่งนี้ ยังคาดกำไรปี 2022-2023 +9% Y-Y และ +14% Y Y คงราคาเป้าหมาย 8.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิด 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35% จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ FED แบบเข้มงวดต่อไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินยังเข้มงวดต่อไป

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการทำนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่น

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 37.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 55 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล จากผลกระทบของรัสเซียประกาศยกระดับการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัว

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 1,681.1 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามของรัสเซียและยูเครน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 950.13 / -2.03

- Advertisement -