Our View? “ตามภูมิภาค”

คาดตลาดวันนี้ “ปรับลดลง” ยังคงให้น้ำหนักประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเฟดยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป คาดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในเดือนพ.ย. และ ธ.ค. อีก 0.75% และ 0.50% ตามลำดับ คาดอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 4.25-4.50% และปี’66 มีแนวโน้มที่ FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่า 4.50% รวมถึงธนาคารกลางหลายประเทศขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเช่นกัน พร้อมกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ล่าสุด PMI รวมภาคการผลิตและบริการ ยังต่ำกว่าระดับ 50 หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มประกัน (TLI และ BLA) พร้อมราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 4.75 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน คาดกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม คาดอาจมีแรงเก็งกําไร PTT เข้ามาบ้าง จากประเด็นเงินปันผล ซึ่ง XD (28/9/65) @1.30 บาท

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ให้น้ำหนักต่อแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ คาดยังคงระมัดระวังการลงทุนในระยะสั้นมากขึ้น และแนะติดตามอย่างใกล้ชิด หลังเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าเหนือระดับ 37.0 บาท สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าให้ระมัดะวังการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่อยู่เหนือระดับ 1,640 จุด ถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น จาก Forward PE เข้าใกล้ระดับ 16 เท่า คิดเป็น -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะกดดันทิศทางตลาดได้ ซึ่งทำให้เราคาดว่าในระยะถัดไป อาจเห็นตลาด Rotate กลุ่มในตลาดหุ้นไทย จากกลุ่มที่ ให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงก่อนหน้า อาทิ หุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, SPRC และ BCP), ปิโตรเคมี (IVL และ PTTGC) และโรงพยาบาล (BH และ BDMS) ไปยังหุ้นในกลุ่มที่ยัง Laggard และแนวโน้มผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4 เช่น หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, BIC และ MAKRO), รับเหมาก่อสร้าง (CK, STEC, ITD และ SYNTEC), สื่อ-โฆษณา (PLANB และ VGI) อาหารและเครื่องดื่ม (TKN, SUN, TWPC, GFPT, TFG, CFRESH และ ASIAN) และหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ได้บ้าง

อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นต่อภาพรวมการท่องเที่ยว จากก่อนหน้าคาด 4Q65 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านคน/เดือน คาดทั้งปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านคน และคาดในปี’66 จํานวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 32 ล้านคน/ปี คิดเป็นราว 80% ของ Pre Covid-19 สูงกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 50-60% คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SHR, VRANDA, AAV และ BA) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ขณะที่แนะนำติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 28 ก.ย. นี้ คาดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 0.25% พร้อมติดตามท่าทีแนวโน้มในการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงปีหน้า รวมทั้งมุมมองของ กนง. ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะน่าวันนี้ “SCB” ภายใต้ความน่าสนใจในเชิงพื้นฐาน (1) การจ่ายเงินปันผลพิเศษ หลังการปรับโครงสร้างของบริษัท คาดจะเริ่มชัดเจนในช่วง 4Q65 (2) SCB อยู่ระหว่าพิจารณาทางเลือกที่จะขาย หรือ หา Partner ให้ บลจ.ไทย พาณิชย์ ซึ่งไม่ว่าจะออกมาทางไหน มองเป็นบวกต่อ SCB และ (3) ราคาหุ้นยังคง Laggard จากหุ้น BANK ขนาดใหญ่ ประเมินราคาเป้าหมายที่ 143.00 บาท อิงวิธี GGM ที่ PBV 1.06 เท่า

- Advertisement -