KS Daily View 26.09.2022 > ราคาพลังงานปรับลงแรง บวกต่อหุ้น Anti commodity/ติดตามประชุม กนง. วันพุธ SET วันนี้คาด 1616 -1640 จุด หุ้นแนะนำ SCGP
ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
ต่างประเทศ : ดัชนี Dow Jones -1.6%DoD, NASDAQ -1.8% โดยกลุ่ม Energy -6.7%, Consumer Discretionary -2.3%, Materials -2.1%, Industrials -1.8% จากประเด็นเดิม Fed ส่งสัญญาณ Hawkish ในการประชุมกลางอาทิตย์หนุน USD แข็งค่าต่อ (+1.5%DOD อยุ่ที่ 112.8 จุด) เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง -4.8%DoD อยู่ที่ 79.4 เหรียญฯ รวมถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ในประเทศ : SET Index เมื่อวันศุกร์ปิด 1631 จุด (-0.83%DoD) Sector ที่ปรับลงหลักๆ คือ กลุ่มพลังงาน PTTEP -1.7%,BANPU -1.47%, โรงไฟฟ้า GULF-1.4% Sector ที่ขึ้นเด่นคือกลุ่มเปิดเมือง AOT +1% BA+2.9% CENTEL+3.7% และกลุ่มธนาคาร BBL+2.2%
ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ต่างประเทศ : ติดตามแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มเรือเทกอง (PSL, TTA) หลังดัชนีค่าระวาง BDI พุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาตามการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือใหญ่จากการฟื้นตัวของกิจกรรมก่อสร้างในจีน นอกจากนี้ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลัง ปธน.สิจิ้นผิงต่อเทอมที่ 3 ช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนไม่แย่ไปกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5.5% เกินไป
ในประเทศ :
1.) ติดตามการประชุม กนง. ของไทยวันพุธที่ 28 ก.ย. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps. เป็น 1.00% และธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยตามในรอบนี้ โดยทุกๆ 25bps. ของดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นจะเป็นบวกกับกำไรสุทธิ 2023 ของธนาคารใหญ่ 5%-7% ธนาคารเล็ก -2% ถึง +1% ส่วน Finance จะ impact -2% ถึง -5% ทั้งนี้ impact จริงอาจไม่เท่ากับผลการศึกษา sensitivity ขึ้นกับการบริหารส่วนต่างดอกเบี้ยของแต่ละบริษัท
2.) ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น OR หลังกาแฟอเมซอน (Cafe Amazon) ปรับราคาขึ้นทุกเมนู 5 บาท เริ่ม 1 ต.ค นี้ โดย นวค. KS ประเมินการปรับเพิ่มราคา 5 บาท/แก้ว จะเพิ่มผลกำไร 360 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือ 9% upsides ต่อกำไรปี 2023 อย่างไรก็ตามการปรับราคาขึ้นจะทำให้ยอดขายลดลง โดยยอดขายที่หายไป 5% จะกระทบกำไรประมาณ 100 ล้านบาทต่อไตรมาส คิดเป็น 2.5% ของกำไรสุทธิปี 2023
3.) ติดตามทิศทางนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทยมากขึ้นใน 4Q22 หลังไทยยกเลิก พรก.ฉุกเฉินหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ ยอดขายเครื่องดื่ม, แอลกอฮอล ฯลฯ เพิ่ม , ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไต้หวันเปิดประเทศ หนุนการเดินทางระหว่างประเทศ การลงทุนทางตรง รวมถึงการเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทยคึกคักขึ้น มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มนิคม และกลุ่มอสังหาฯ
กลยุทธ์การลงทุน :
KS ประเมินตลาดหุ้นไทยต้นสัปดาห์ คาดว่าจะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานในช่วงต้นสัปดาห์ตามราคาน้ำมันดิบที่ลงแรง และกลุ่ม Energy ของสหรัฐฯ ที่ -6.75%เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่คาดกลุ่ม Anti-oil จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องในสัปดาห์หน้าจากราคาน้ำมันที่ลดลงหนุนให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น ได้แก่ PTG, OR, EPG, DCC, PTTGC, CBG, OSP, BGC, AAV, BA, BGRIM, GULF, และ GPSC โดย Key Factor ตลอดสัปดาห์ที่จะกำหนดทิศทางตลาดหลักๆ คือรอการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ GDP สหรัฐ , ความเห็นของประธาน Fed แต่ละสาขา ส่วนในประเทศ การประชุม กนง. ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัด 30 ก.ย. ชี้ปมวาระ 8 ปีของนายกฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ประเมินดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวลงในกรอบ 1,600 – 1,655 จุด มีแนวรับที่ 1,600 และ 1,610 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ
Theme การลงทุนสัปดาห์ :
1.) ธีมเปิดเมือง หลังจากไทยยกเลิก พรก.ฉุกเฉินหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ ยอดขายเครื่องดื่ม, แอลกอฮอล ฯลฯเพิ่ม , ฮ่องกง ญี่ปุ่นเปิดประเทศ หนุนการเดินทางระหว่างประเทศ ฯลฯ แนะนำ BA และ BJC
2.) กลุ่มธนาคาร ได้ประโยชน์จากโอกาส กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยปรับนโยบายสัปดาห์นี้ แนะนำ SCB
3.) กลุ่ม Anti Commodity คาดได้ประโยชน์จากราคาพลังงานปรับลง แนะนำ : OR PTG
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1616 -1640 จุด หุ้นแนะนำ SCGP
Top pick :
SCGP (ราคาทางพื้นฐาน 57.0 บาท)
1.) มองกำไร 2H65 ดีกว่า1H65 หลังจากที่ราคาถ่านหิน ค่าระวางเรือปรับลดลงราว 40%นับจากจุดสูงสุด ทำให้ต้นทุน RCP ที่นำเข้าลดลงปรับตัวลง และทำให้ spread ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็น Improvement หลักๆ ใน Q4
2.) Sentiment บวกจากจีนประกาศยกเลิกมาตรการ Lockdown บวกต่อ SCGP
3.) ราคาหุ้นปัจจุบันปรับฐานลงมาราว 22% นับจากต้นปี(ytd) สะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว โดย 12M FWDPER อยู่ราว 26 เท่า หรือราว 0.5SD และ 12M FWD PBV (x)อยู่ราว 2.2 เท่า หรือราว -0.5SD
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้า เดือน ส.ค. ของไทย คาด +7.7% YoY และ +17.95% YoY ตามลำดับ ตัวเลขดุลการค้าของไทยเดือน ส.ค. คาด -3,044 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลข Ifo Business Climate index ของเยอรมัน เดือน ก.ย. คาด 87 จุด (-1.7% MoM) ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde ถ้อยแถลงของ Fed Bostic และของ Fed Mester
วันอังคาร ติดตาม ตัวเลข Durable Goods Order เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ คาด -0.5% MoM ตัวเลข New Home Sales เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ คาด -0.5% MoM เป็น 0.5 ล้านหลัง ตัวเลข CB Consumer Confidence Index เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ คาด 104 จุด (+0.8% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed Evans และถ้อยแถลงของ Fed Bullard
วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ของไทยคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps. เป็น 1.00% ตัวเลข GfK Consumer Confidence เดือน ต.ค. ของเยอรมัน คาด -39 จุด (แย่ลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -36.5 จุด) ตัวเลข Pending Home Sales เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ คาด -1% MoM เป็น 259K ถ้อยแถลงของ Fed Bostic, Fed Bullard และ Fed Evans และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยเดือน ส.ค. คาด +11.2% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน เดือน ก.ย. คาด +1.1% MoM และ +9.5% YoY ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด 215K ถ้อยแถลงของ Fed Lane, Fed Mester, และ Fed Daly
วันศุกร์ ติดตามศาลรัฐธรรมนูญจะนัด 30 ก.ย. บ่ายสามโมง ชี้ปมวาระ 8 ปีของนายกฯ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ส.ค. ของไทย คาด -4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลข NBS Manufacturing PMI ของจีนเดือน ก.ย. คาด 49.8 จุด (+0.8% MoM) ตัวเลข Caixin Manufacturing PMI ของจีนเดือน ก.ย. คาด 49.8 จุด (+0.6% MoM) ตัวเลข NBS Non manufacturing PMI ของจีนเดือน ก.ย. คาด 52.8 จุด (ทรงตัว MoM) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นเดือน ก.ย. คาด 34 จุด (+4.6% MoM) ตัวเลข Retail Sales เดือน ส.ค. ของเยอรมัน คาด -1% MoM และ -5.1% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซน เดือน ก.ย. คาด +1% MoM และ +9.6% YoY ตัวเลขอัตราการว่างงานของยูโรโซน เดือน ส.ค. คาด 6.6% ตัวเลข Personal income ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด +0.3% MoM ตัวเลข Personal spending ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด +0.2% MoM ตัวเลข PCE Price index เดือน ส.ค. คาด +0.1% MoM และ +6.2% YoY ตัวเลข Core PCE Price index เดือน ส.ค. คาด +0.4% MoM และ +4.7% YoY ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment Index เดือน ก.ย. คาด 59.5 จุด (+2.2% MoM)
