Daily Focus: Domestic and Selective Play
2022 2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ออกมาต่อเนื่อง จาก Bond Yield และ Dollar Index ที่ยังพุ่งขึ้น ดัชนีปิดลบ 10.46 จุด ณ สิ้นวัน โดยยังถือว่าไม่รุนแรงเท่าภูมิภาคอื่นๆ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 106 ลบ.และ 1.9 พันลบ. ตามลำดับ (และ Short Index Futures อีก 1.9 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังอยู่ในช่วงแกว่งพักฐานโดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,600-1,610 จุด ยังคงถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หลัง Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังเร่งตัว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอและเสี่ยงเกิด Recession โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯและยุโรป ส่วนเอเชียตัวเลขเศรษฐกิจจีนระยะหลังเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวเช่นกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง และกดดันกลุ่มพลังงาน รวมถึง Commodity อื่นๆ ซึ่งเรามองจะเป็นบวกต่อทิศทางเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตให้ผ่อนคลายขึ้นในระยะถัดไป และช่วยให้เงินเฟ้อชะลอตัว ภาคการส่งออกอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ค่าเงินบาทที่อ่อนยังช่วยประคอง ขณะที่การประชุมกนง.วันพรุ่งนี้ เราคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเศรษฐกิจที่ฟื้น เรายังมองหุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ยังคงแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ส่วนจังหวะดัชนีพักตัวลงหาบริเวณแนวรับหลัก เรามองเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นเพิ่มระยะกลาง-ยาว
กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท
- โมเมนตัมกําไร 2H22 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ หนุน Traffic เข้าห้างฟื้นตัวเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 รวมถึงส่วนลดค่าเช่าที่เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง และกระทบจำากัดต่อปัจจัยลบของต่างประเทศ
- เราคาดกำไรปี 2022-2023 +244% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ หนุนจากทั้งการฟื้นตัวของค่าเช่าห้างเดิม การเข้าซื้อ SF และระยะยาวรองรับด้วยแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ. ทั้งธุรกิจศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม
- แนวรับ 65-64 บาท แนวต้าน 68//70 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$247 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$165 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$83 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ นำโดยอินโดนีเซีย US$90 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออกจาก Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ที่ยังพุ่งขึ้น และเม็ดเงินที่ยังออกจากสินทรัพย์เสี่ยงระยะนี้
ประเด็นสําคัญวันนี้
(0) ส่งออกไทย เดือน ส.ค. ใกล้เคียงคาด ออกมาที่ US$2.36 หมื่นล้าน Flat M-M +7.5% Y-Y มีผลจากฐานต่ำปีก่อนจากการระบาดของเดลค้า ตลาดจีนยังคงหดตัวแรง 20% Y-Y จากการ Lockdown ส่วนตลาดหลักอื่นทั้งสหรัฐฯ ยุโรปและอาเซียนยังโตดี +16.3% Y-Y +19% Y-Y และ +19.1% Y-Y ตามลำดับ ขณะที่อินเดียยังโตดีต่อเนื่อง +18% Y-Y สินค้าที่เติบโตคืออาหารสดและแปรรูปเครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง รถยนต์ และส่วนประกอบ แผงวงจร เป็นต้น รวม 8M22 ส่งออกไทยอยู่ที่ US$1.96 แสนล้าน +11% Y-Y ด้านการนำเข้าเดือน ส.ค. พุ่งแรงเป็น US$2.78 หมื่นล้าน +21.3% Y-Y จากสินค้าเชื้อเพลิงที่พุ่งแรงตามราคาตลาดโลก และและผลของค่าเงินบาทที่อ่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้าแรงขึ้นโดย 8M22 ไทยขาดดุลการค้าเกือบ US$1.41 หมื่นล้าน แนวโน้มการส่งออกช่วงที่เหลือของปีคาดชะลอตัวลง โดยเป้าทั้งปีของ NESDC คาดที่ +7.9% Y-Y
(+) SUSCO เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานตามการ Reopening หนุนปริมาณขายน้ำมันในปั๊มน้ำมันรวมถึงน้ำมันเจ็ทให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเริ่มได้ประโยชน์จากการรุกธุรกิจค้าปลีกในปั๊มน้ำมันจาก Susco Square เป็นบวกในระยะยาว นอกจากนี้การ Rebrand ปั๊มน้ำมันจาก Susco เป็น Esso ราว 30% ของสถานีบริการทั้งหมด 254 สถานี จากข้อมูลของผู้บริหารพบว่าเป็นบวกต่อปริมาณขายให้ปรับเพิ่มขึ้น 50-100% ซึ่งคาดเห็นการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวต่อเนื่อง เราปรับประมาณการกำไรปี 2022-2023 ขึ้นเป็น +56% Y-Y และ +25% Y-Y ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 6.70 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 29,260.81 จุด ลดลง 329.60 จุด หรือ -1.11% จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลัง FED พร้อมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังธนาคารกลางหลายประเทศดำเนินนโยบายแบบเข้มงวด
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก จากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร หลังตลาดร่วงลงอย่างหนัก
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 37.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 76.71 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ Demand น้ำมันลดลง
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.2 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 1,633.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสหรัฐฯ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 943.47 / -3.76