Our View? “ลุ้นรีบาวด์เบาๆ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,615 / 1,605 และแนวต้านที่บริเวณ 1,625 / 1,630 แม้เรายังคงคาดว่าตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเกิดเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน CME FedWatch Tools บ่งชี้ว่าตลาดคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือน พ.ย. และขึ้นอีก 0.50% ในเดือน ธ.ค. เพื่อดันอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 4.25–4.50% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ปี’66 มีแนวโน้มที่ FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่า 4.50% ยาวจนถึงสิ้นปี ส่งผลต่อความกังวลว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยต่อเนื่อง สอดคล้องกับ Dollar Index ที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ระดับ 114.10 สะท้อนตลาดยังคงอยู่ในโหมด Risk-off รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงในแง่ความน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มประกัน (TLI และ BLA) ได้ต่อ

อย่างไรก็ดี เรามองว่าดัชนี VIX Index ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดความผันผวนของตลาดปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 32.26 จุด ซึ่งถือเป็นแนวต้านของดัชนีในปัจจุบัน รวมทั้งดัชนี Fear & Greed Index ปรับตัวลงสู่ระดับ 18 จุด ซึ่งถือเป็นโซน Extreme Fear สะท้อนตลาดในปัจจุบันอยู่ในภาวะกังวลมากเกินไป คาดเป็นเครื่องบ่งชี้ถึง Downside ระยะสั้นของตลาดเริ่มจํากัดลงได้บ้าง คาดอาจเห็นการรีบาวด์ของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ในระยะถัดไป

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องปิดที่ระดับ 76.71 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.03 ดอลลาร์ (-2.58%) โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลอุปสงค์น้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มอ่อนแอลงตามเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย ตามการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ อีกทั้งการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบเช่นกัน คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้อยู่

ในส่วนของปัจจัยในประเทศอีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นต่อภาพรวมการท่องเที่ยว จากก่อนหน้าคาด 4Q/65 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านคน/เดือน คาดทั้งปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านคน และคาดในปี’66 จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 32 ล้านคน/ปี คิดเป็นราว 80% ของ Pre Covid-19 สูงกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 50-60% คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SHR, VRANDA, AAV และ BA) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

อีกทั้งแนะนำติดตามการประชุม กนง. ในวันที่ 28 ก.ย. คาดมีโอกาสที่ กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 0.25% พร้อมติดตามท่าที่การประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปในประเด็นเงินเฟ้อและค่าเงิน รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงปีหน้า คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้ รวมทั้งอาจต้องติดตามแนวโน้มการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาปิดงบ ประจําไตรมาส คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้

กลยุทธ์

  • ทยอยซื้อสะสม “ADVANC” แนวรับ 196.50 / 194.00 Target 204.00/207.00 Stop <193.50
  • เก็งกำไร “SICT” แนวรับ 9.86 / 9.70 Target 10.50 / 11.00 Stop <9.50
- Advertisement -