Our View? “Risk-off”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,600 / 1,596 และแนวต้านที่บริเวณ 1,616 11,623 คาดตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อคืนนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลายสาขายังคงออกแสดงความคิดเห็นหนุน FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED จะขึ้นแตะที่ระดับ 4.5% ขณะที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธาน FED สาขาชิคาโกกล่าวว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่จำเป็น สะท้อนทิศทางของ FED ที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นความกังวลว่า FED อาจเร่งอัตราดอกเบี้ยเตะระดับ 5.00% ภายในช่วงปีหน้า ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในระยะถัดไป ยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้พยายามรีบาวด์กลับขึ้นบ้างเล็กน้อย ปิดที่ระดับ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.79 ดอลลาร์ หรือ +2.33% โดยได้รับแรงหนุนระยะสั้นจากความกังวลพายุเฮอร์ริเคนเอียนกำลังเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโก โดยบริษัทพลังงานหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าวเริ่มหยุดดำเนินการเป็นการชั่วคราว คาดจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันของสหรัฐลดลงในระยะสั้น เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมันรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังมองอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงตามเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย ตามการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่ในระยะกลาง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศวันนี้เราคาดว่าการประชุม กนง. คาดจะขึ้นดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 0.25% พร้อมติดตามท่าที่การประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปในประเด็นเงินเฟ้อ, ค่าเงินบาท รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงปีหน้า อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามท่าทีของสมาคมธนาคารไทยอีกครั้งว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามหรือไม่ หากธนาคารพาณิชย์สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยตามได้ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ปรับตัวขึ้นได้ รวมทั้งอาจต้องติดตามแนวโน้มการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาปิดงบประจำไตรมาส คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง

อีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นต่อภาพรวมการท่องเที่ยว จากก่อนหน้าคาด 4Q′65 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านคน/เดือน คาดทั้งปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านคน และคาดในปี’66 จํานวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 32 ล้านคน/ปี คิดเป็นราว 80% ของ Pre Covid-19 สูงกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 50-60% คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SHR, VRANDA, AAV และ BA) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มองทิศทางค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าขึ้นต่อเนื่อง คาดจะกระตุ้นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติได้ต่อเป็น ปัจจัยกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่ม Big Cap. กดดันตลาดได้อยู่ โดยได้เดือน ก.ย. นี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปแล้วกว่า 2.06 หมื่นล้านบาท รวมทั้งกลับมาอยู่ในฝั่ง Short 50 Index Future ในเดือนนี้ กว่า 9.48 หมื่นสัญญา

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้

กลยุทธ์ เก็งกำไร “LH” แนวรับ 9.00 / 8.85 Target 9.50 / 9.95 Stop <8.70

- Advertisement -