บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Upgrade)

TP upside (downside) +22.0%

Close Sep 27, 2022 Price (THB) 35.25

12M Target (THB) 43.00

Previous Target (THB) 41.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ราว 150-200 ล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากการปรับขึ้นค่า Ft รวมถึงการ COD โรงไฟฟ้า SPP Replacement 1 โรงใน 3Q65 ช่วยให้ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลดลง แต่คาดกำไรปกติลดลง YoY จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นมาก
  • คาดกำไรปกติปี 2566 เติบโตเด่น YoY หลังต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มปรับตัวลง YoY จากความกังวลเกี่ยวกับ Recession, ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในไทยที่เพิ่มขึ้น และเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

Our view

  • ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 43.00 บาท/หุ้น มี Upside +22.0% ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
  • ที่ราคาปัจจุบัน มองว่า BGRIM มี Downside จำกัด จาก 1) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มี Upside จำกัด และมี แนวโน้มปรับตัวลงในปี 2566 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบจำกัดจากภาวะ Recession และ 3) การประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วงสิ้นปี ทำให้บริษัทฯมีโอกาสเข้าลงทุนในโครงการใหม่เพิ่มเติม

B.GRIMM POWER เตรียมฟื้นตัวเด่นในปี 2566

กำไรปกติ 3Q65 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ

แม้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มสูงขึ้น QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงหลุมก๊าซธรรมชาติในประเทศ (สัดส่วนการใช้งาน LNG นำเข้าเพิ่มขึ้น) แต่เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ราว 150-200 ล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จาก 1) การปรับขึ้นค่า Ft รอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. จำนวน 188.66 สตางค์/หน่วย สามารถชดเชยผลกระทบจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น QoQ ได้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มทรงตัวสูงขึ้นเล็กน้อย QoQ 2) การ COD โรงไฟฟ้า BPLC1R ขนาด 140MW (SPP Replacement ของโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 103MW) ทำให้ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยลดลงและ 3) กลุ่มผู้ใช้งานอุตสาหกรรม (IU) ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น QoQ ขณะที่ภาพ YoY คาดกำไรปกติลดลง จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้นมากเป็นหลัก

คาดต้นทุนก๊าซธรรมชาติปี 2566 ลดลง YoY ช่วยหนุนการฟื้นตัวของกำไร

คาดกำไรปกติปี 2566 ของ BGRIM ที่ 2,848 ล้านบาท ฟื้นตัวเด่น +301% YoY หลังราคาก๊าซธรรมชาติใน Energy Price Pool มีแนวโน้มลดลง YoY ในปี 2566 จาก 1) ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในหลายภูมิภาคทั่วโลกจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคา Commodities ในตลาดโลกลดลง YoY (กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวและความต้องการใช้งานลดลง) 2) ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติราคาถูกจะเพิ่มสูงขึ้น YoY หลังผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานของแหล่งผลิตหลักที่เอราวัณ (การเปลี่ยนผู้รับสัมปทานทำให้การผลิตไม่ต่อเนื่องและทำให้อุปทานลดลงชั่วคราว) และ 3) ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในปี 2566 จะทำให้ต้นทุนการนำเข้า LNG จากต่างประเทศลดลง (ไทยซื้อ LNG นำเข้าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ)

ราคาปัจจุบันมี Downside จำกัด ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 43.00 บาท/หุ้น มี Upside +22.0% ที่ราคาปัจจุบันคาด BGRIM มี Downside จำกัดแล้วเนื่องจาก 1) แม้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติยังสูงใน 3Q65 แต่คาดมี Upside จำกัด และมีแนวโน้มปรับตัวลงในปี 2566 รวมถึงคาดค่า Ft จะยังอยู่ในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง (มีโอกาสปรับขึ้นอีกในรอบ ม.ค. – เม.ย. 66 เพื่อสะท้อนต้นทุน) จึงมองว่ากำไรของบริษัทฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1H65 และอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบจำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับ Recession และ 3) บริษัทฯ มีโอกาสเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศเพิ่มเติม (เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนตามเป้าหมายของบริษัทฯ) หลังที่ประชุม กกพ. มีมติอนุมัติให้ออกระเบียบการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและจะประกาศรับซื้อในช่วงปลายปีนี้ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

- Advertisement -