Our View? “QE is back”

คาดตลาดวันนี้ “รีบาวด์” มองแนวรับที่บริเวณ 1,596 และแนวต้านที่บริเวณ 1,616 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) ปรับตัวลดลงแรงเมื่อคืนนี้ โดยเช้านี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.74% หลังขึ้นทำจุดสูงสุดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 4.00% หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศรับชื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษจำนวนมากเท่าที่มีความจำเป็นเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด ตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงวันที่ 14 ต.ค. เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน มองเป็นปัจจัยช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องของ US Bond Yield ขณะที่ Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงบ้างเช่นกันล่าสุดอยู่ที่ระดับ 12.75 หลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อวานนี้ที่ระดับ 14.78 สะท้อนตลาดเริ่มผ่อนคลายภาวะ Risk-off ของตลาดลงบ้าง คาดจะหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงรีบาวด์กลับขึ้นได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม คืนนี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลข PCE ของสหรัฐคาดจะออกมาที่ระดับ +6.0% YoY และ +0.1% MoM อาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้รีบาวด์ขึ้นเช่นกัน ปิดที่ระดับ 82.15 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.65 ดอลลาร์ หรือ +4.65% โดยได้รับแรงหนุนระยะสั้นจากการเปิดเผยตัวเลขสต็อกนํ้ามันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดย EIA ปรับตัวลดลง 2.15 แสนบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.43 แสนบาร์เรล บ่งชี้ถึงความต้องการน้ำมันในสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ขณะที่เราคาดว่ากังวลพายุเฮอร์ริเคนเขียนกำลังเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโก โดยบริษัทพลังงานหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าวเริ่มหยุดดำเนินการเป็นการชั่วคราว คาดจะส่งผลให้ อุปทานน้ำมันของสหรัฐลดลงในระยะสั้น เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมันรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังมองอุปสงค์น้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงตามเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยตามการเร่งขึ้น ดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่ใน ระยะกลาง

ในส่วนของปัจจัยในประเทศเมื่อวานนี้ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 1.00% เป็นไปตามตลาดคาด และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.3% ใน ปีนี้ และ 3.8% ในปีหน้า ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้แล้ว เมื่อคืนนี้ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม มองเป็นปัจจัยบวกหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB และ TTB) โดยเราประเมินว่าหากดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทขึ้น 0.25% จะทำให้ Loans Yield ของ BANK จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 1-3 bps ซึ่งจะส่งผลกำไรปี 65 ของกลุ่มธนาคารปรับเพิ่มขึ้น 2-5% รวมทั้งอาจต้องติดตามแนวโน้มการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาปิดงบประจำไตรมาส คาดอาจส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้าง

อีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และการประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มขึ้นต่อภาพรวมการท่องเที่ยว จากก่อนหน้าคาด 4Q′65 จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านคน/เดือน คาดทั้งปี’65 ขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านคน และคาดใน ปี’66 จํานวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 32 ล้านคน/ปี คิดเป็นราว 80% ของ Pre Covid-19 สูงกว่าตลาดคาดไว้ก่อนหน้าที่ 50-60% คาดช่วยหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, MINT, CENTEL, ERW, SHR, VRANDA, AAV และ BA) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “BBL”

กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 136.50 / 135.50 Target 141.00 / 149.00 stop <135.00

- Advertisement -