นักลงทุนระยะกลาง – ยาว ควรเริ่มทยอยสะสม

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนฟื้นตัวเด่น 2.66% ตลาดผ่อนคลายกับภาวะดอกเบี้ยหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ (ISM ภาคผลิตออกมาที่ 50.9 ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ 52.5) สอดคล้องกับการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างปรับตัวลง 0.7%MoM เทียบกับตลาดคาดที่ -0.1%MoM ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 4.4% ขานรับข่าว OPEC จะปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล / วัน +PTTEP

Market Outlook

สำหรับการขายสุทธิของนักลงทุนสถาบันวานนี้ราว 1.3 หมื่นล้านบาท มองเป็นเพียงการปรับพอร์ตปกติ เนื่องจากเราลองทำการพิจารณาข้อมูลการขายในอดีตของนักลงทุนสถาบันพบว่า นักลงทุนสถาบันเคยขายสุทธิหนักถึง 1.6 หมื่นล้านบาทในวันที่ 21 ก.พ. 18 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพบว่าดัชนีก็มิได้มีการปรับลงอย่างนัยยะสำคัญ ขณะเดียวกันในวันที่ 9 มี.ค. 20 นักลงทุนสถาบันมีการขาย 1.27 หมื่นล้านบาท แต่พบว่าหลังจากนั้นดัชนีปรับฐานลงต่อเนื่อง แต่ก็มองว่าการปรับฐานรอบดังกล่าวมิสามารถใช้ข้อมูลได้ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นการปรับฐานแรงเพราะความกังวลต่อ COVID-19 โดยสรุปเรามิได้กังวลเท่าใดต่อการขายของนักลงทุนสถาบันวานนี้ และมองการ Panic Sell วานนี้เป็นโอกาสเข้าสะสม ขณะที่ในเชิง Valuation น่าสนใจด้วยการลงมาซื้อขายที่เพียง 14.7x Forward PE หากมองย้อนหลังตั้งแต่ปี 2008 พบว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว (ค่าเฉลี่ย 15x) แม้จะมีความกังวลว่าปี 2023 ทั่วโลกจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็เชื่อว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยจะมีความแข็งแกร่งหนุนจากเศรษฐกิจภายในที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็คาดการณ์ว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ ดังนั้นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแม้จะมี Downside แต่ก็เชื่อว่าไม่มากนัก

ด้านทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบ 1559 – 1575 รับแรงหนุนเชิงบวกจาก (1) ตลาดหุ้น Dow Jones ที่ฟื้นตัว และเช้านี้ Nikkei ปรับตัวขึ้น 1.8% (2) ราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ปรับขึ้นจะเป็นตัวหนุนกลุ่มราคาน้ำมัน ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ตำแหน่งงานเปิดรับสมัครใหม่ในสหรัฐฯ Bloomberg คาดที่ 11.07 ล้านตำแหน่ง หากต่ำกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาดมากกว่า ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมได้บางส่วนสำหรับนักลงทุนระยะกลาง – ยาว เนื่องจากระดับ Valuation ที่น่าสนใจ เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี อาทิ (ADVANC BCH CPALL HMPRO GLOBAL) ส่วนหุ้น Trading ระยะสั้นเน้นที่ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL) ศูนย์การค้า (CPN) Finance (MTC)

Pi Stock Picks

KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174.00 บาท)

คงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 14% YoY สำหรับปี 2022 และ 10% YoY ในปี 2023 หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงเป็น 150bp ในปี 2022 และ 130bp ในปี 2023 เทียบกับ 173bp ในปี 2021

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 144.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/22 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท โต 23% YoY (+8% QoQ) แม้รายได้ค่าธรรมเนียมซบเซาจากความผันผวนของตลาดทุน แต่การเติบโตของกำไรในเชิง YoY และ QoQ จะมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง คาดอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) โต YoY และ QoQ ขึ้น 3.3% ในไตรมาส 3/22 จากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อที่สูงขึ้น ประเมินอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้น QoQ เป็น 44.7% (ไตรมาส 2/22: 41.2%) จากค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

- Advertisement -