Our View? “ตามตลาดต่างประเทศ”
คาดตลาดวันนี้ “รีบาวด์” มองแนวรับที่บริเวณ 1,585 / 1,577 และแนวต้านที่บริเวณ 1,600 / 1,606 คาดตลาดฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายความกังวลแนวโน้มในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังเมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือน ก.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ส.ค. ลดลง 0.7% มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนภาพรวมทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างเปราะบาง ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้บ้าง กดดันทิศทาง Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.66 จุด อีกทั้ง CME FEDWatch Tools ยังคงคาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และ 0.50% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ย. และ ธ.ค. ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของ FED อยู่ที่ระดับ 4.50% ในช่วงสิ้นปีนี้ และคาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงไปอีกทั้งปี’66 แม้คาดจะยังเป็นปัจจัยหลักจำกัด Upside ของตลาดได้บ้าง แต่คาดในระยะสั้นราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้รีบาวด์ปิดที่ระดับ 83.63 ดอลลาร์/บาร์เรล +4.14 ดอลลาร์ (+5.21%) โดยได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ OPEC+ อาจปรับลดกำลังการผลิตนํ้ามันลงในเดือน พ.ย. ลงราว 0.5-1.0 ล้านบาร์เรล/วัน หลังราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้า แม้อาจส่งผลให้ราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ในระยะสั้นได้บ้าง แต่คาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางในระยะกลางมากนัก จากเดิมที่ OPEC+ ในช่วงก่อนหน้าไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ตามโควต้าของการประชุมได้อยู่แล้ว
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ผู้ว่าธปท. คาดเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปลายปี’65-ต้นปี’66 โดย ธปท.จะส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างราบรื่น (Smooth take off) และจะเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 เช่นเดียวกับเราที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 คาดจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นจากแรงขับของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ โดยเราคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปีหน้าอาจปรับตัวขึ้นมากกว่าระดับ 10 ล้านคน คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Re-Opening Play ปรับตัวขึ้นได้ต่อ (CPALL, MAKRO, MAJOR, BJC, MINT, SHR และ VRANDA) ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้แล้ว มองเป็นปัจจัยบวกหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB และ TTB)
อย่างไรก็ตามเรา ยังแนะนำให้ระมัดระวังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยและอยู่ในฝั่ง Short SET50 Index Futures ต่อเนื่อง จากทิศทางค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่าอยู่ในระดับสูง คาดยังเป็นปัจจัยจํากัด Upside การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้อยู่
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้
กลยุทธ์
เล่นรีบาวด์ “KBANK” แนวรับ 140.00 / 138.50 Target 146.00 / 152.00 stop <137.50
เก็งกำไร “ANAN” แนวรับ 1.40 / 1.37 Target 1.74 / 2.00 Stop < 1.35