รอติดตามภาคแรงงานสหรัฐฯ ในคืนนี้ หากต่ำกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาด
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 1.15% ตลาดกลับมากังวลกับดอกเบี้ยของ FED อีกครั้ง หลังจากประธาน FED สาขามินเนอาโพลิสออกมากล่าวว่า ยังไม่มีแนวโน้มที่ FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงสาขาเซนต์หลุยส์ออกมากล่าวว่า FED ยังมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ในช่วงการประชุมปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบปิดบวก 1.1% ตลาดให้น้ำหนักกับอุปทานที่เข้าสู่ภาวะขาดแคลนหลัง OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิต
Market Outlook
ภาพรวมวันนี้ดูมีความเสี่ยงจะอ่อนตัวลงในกรอบ 1580 – 1588 ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งอายุ 2 และ 10 ปี ปรับขึ้นอีกครั้ง สอดคล้องกับ Dollar Index ที่ปรับขึ้นเช่นกัน ถือเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นโดยตรง ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้น Nikkei ก็ปรับฐานลง 1.3% ปัจจัยติดตามคืนนี้จะเน้นไปที่ภาคแรงงานสหรัฐฯ
(1) การจ้างงานนอกภาคเกษตร Bloomberg คาดที่ 2.55 แสนตำแหน่ง
(2) อัตราการว่างงานที่ 3.7%
(3) การเติบโตของค่าแรงรายชั่วโมง สำหรับรายเดือน Bloomberg คาดที่ 0.3%MoM และรายปีคาดที่ 5%YoY มองว่าตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นบวกกับตลาดมากกว่า เพราะจะทำให้ตลาดคลายความกังวลเงินเฟ้อ
ส่วนสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญเน้นไปที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อนักลงทุน สำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อและดอกเบี้ยในช่วงถัดไป แต่ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตุ คือ แม้ Dollar Index จะแข็งค่าขึ้นแต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเช่นกัน อาจเป็นตัวสะท้อนถึงดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยที่มีความเป็นไปได้จะกลับมาเกินดุลเป็นบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ ที่อาจเริ่มชะลอแรงขายบ้าง หรือเป็นฝั่งกลับมาซื้อสุทธิ
เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหาจังหวะ Trading เชื่อว่าการปรับฐานจะเป็นเพียงช่วงสั้นก่อนค่อยๆ ฟื้นตัวได้ในช่วงถัดไป หุ้นแนะนำยังเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ พลังงาน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) โรงพยาบาล (BCH CHG)
Pi Stock Picks
ADVANC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 246.00 บาท)
มองราคาหุ้นเมื่อวานปรับฐานลงมาเป็นโอกาส ด้วยธุรกิจที่ยังแข็งแกร่ง และหากได้ธุรกิจ 3BB ก็จะเพิ่ม Upside ได้อีกราว 8.5% ต่อประมาณการกำไรในปี 2023 นอกจากนี้ระดับราคาล่าสุดยังได้ปันผลสูงถึง 4.1%
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174.00 บาท)
คาดว่าการปรับลดครั้งนี้จะนำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบอีกรอบ โดยกลุ่มธนาคาร Commonwealth ระบุว่าน้ำมันดิบเบรนท์จะฟื้นตัวสู่ US$ 100/bbl. ในไตรมาส 4/22 นอกจากนี้การปล่อยคลังสำรอง (SPR) ของสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลง และอุปสงค์ก๊าซ-น้ำมันที่สูงขึ้นในยุโรป เพื่อรองรับอุปสงค์การใช้ความร้อนในฤดูหนาว (นโยบายใช้น้ำมันทดแทนก๊าซ) จะหนุนราคาน้ำมันดิบขึ้นอีกแรง