Daily Focus: Domestic Reopening and Earnings Play
2023SET Target : 1760
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องตามตลาดหุ้นทั่วโลก ปิดลบอีก 9.09 จุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานแข็งแรง ทำให้ตลาดกังวล FED เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เม็ดเงินพลิกกลับมาไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 3.5 พันลบ. (และยัง Short Index Futures อีก 2.2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังอยู่ในช่วงแกว่งตัว Sideways to Sideways Down พักฐานระยะสั้นในกรอบ 1,560-1,580+- จุด ทั้งจากการอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวปลายสัปดาห์ รวมถึงมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ก.ย. ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะยิ่งกดดันให้ FED จําเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีหน้าที่เสี่ยงเกิด Recession มากขึ้น กดดันให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงระยะนี้
ส่วนปัจจัยภายในประเทศให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมหากมีความรุนแรงและขยายวง โดยเฉพาะเข้าใกล้กรุงเทพฯถือเป็นความเสี่ยง ส่วนสัปดาห์หน้าคาดตลาดจะเริ่มโฟกัสที่การทยอยประกาศกำไร 3Q22 กลุ่มธนาคารและ Preview กำไรฝั่ง Real Sector ซึ่งโดยรวมไม่น่าตื่นเต้นนัก เนื่องจากเป็นฤดูฝน ซึ่งเป็น Low Season อย่างไรก็ตาม เรายังมองบวกต่อกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ใน 4Q22 ที่กลับเข้า High Season ของทั้งภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงปี 2023 ที่ยังมีแนวโน้มเร่งตัว
กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic Reopening และ Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CK
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
• คาดกำไร 3Q22 เร่งตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y ตามการฟื้นตัวของธุรกิจรับเหมาฯ และมีโอกาสรับงานใหญ่เพิ่มเติม ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้มและงานโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง หากเซ็นสัญญาปลายปีนี้จะหนุน Backlog และ 2.6 แสนลบ. ทยอยรับรู้รายได้เป็น S-Curve ตั้งแต่ปีหน้า
• ส่วนธุรกิจลูกอย่าง BEM ฟื้นตัวตามการ Reopening ทั้งจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วน CKP อยู่ในช่วง High Season เราคาดกำไรปกติปี 2022 +8x Y-Y และเร่งตัว +64% Y-Y ในปี 2023
• แนวรับ 22 บาท แนวต้าน 23//23.5 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$118 ล้าน ตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกส่วนใหญ่ปิดทำการทั้งไต้หวัน เกาหลีใต้ แต่อาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทิศทางไหลออก นำโดยไทยและอินโดนีเซีย US$92 ล้าน และ US$47 ล้าน ตามลำดับ มีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากทั้งความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯวันพฤหัสฯ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) CPALL-MAKRO มีรายงานจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ว่า MAKRO ไม่ได้เข้าร่วมดีลซื้อ Metro อินเดีย ซึ่งมีแนวโน้มว่า CPALL อาจไม่เข้าร่วมเช่นกัน ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลด้านฐานะการเงินที่จะตึงตัว และผลการดำเนินงานที่อาจถูกกดดันจากดีลดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความชัดเจนดีลดังกล่าว โดยเฉพาะ CP Group ว่าจะยังเดินหน้าดีลนี้หรือไม่และใช้บริษัทใดในกรณีเข้าลงทุน แนะนำ “ซื้อ” MAKRO CPALL
(+) M คาดกำไร 3Q22 Flat Q-Q และคาดพลิกจากขาดทุนในปีก่อน หลัง Traffic ฟื้นตัวได้ดีตามการ Reopen และสามารถปรับขึ้นราคาอาหารสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด แนวโน้ม 4Q22 จะเร่งตัวต่อเนื่องจาก High Season และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยกลับมาช่วยหนุนรายได้แหลมเจริญ ด้านค่าไฟที่ปรับขึ้น 17% คาดชดเชยได้จากต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่น่าจะคลี่คลายได้ในปี 2023 และ Traffic ที่คาดกลับมาใกล้เคียงช่วงก่อน COVID-19 อีกครั้ง เรายังคาดกำไรปี 2022 +11x Y-Y และปี 2023 +47% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 66 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) IRC ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสก่อน และทยอยฟื้นตัวช้าๆ เราคาดกำไร 4Q22 (ก.ค.-ก.ย.) พลิกเป็นกำไร 28 ลบ. จากขาดทุน 13 ลบ.ใน 3Q22 (เม.ย.-มิ.ย.) จากยอดขายที่เริ่มดีขึ้นและต้นทุนเคมีคอลขยับลง แต่กำไรยังต่ำกว่าสถานการณ์ปกติที่ 90-100 ลบ.ต่อไตรมาสอยู่มาก เพราะยังมีสต็อกวัตถุดิบราคาสูงอยู่ IRC จึงฟื้นช้ากว่ากลุ่ม เราคาดกำไรปี 2022 (สิ้นสุด ก.ย. 2022) -69% Y-Y ก่อนจะฟื้น +182% Y-Y ปีหน้า ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 17 บาท เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ -0.32% จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และสหรัฐออกมาตรการจำกัดการส่งชิปให้จีนกดดันประเด็นเรื่องสงครามการค้าอีกครั้ง
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลงเล็กน้อย จากนักลงทุนซื้อขายระมัดระวังก่อนช่วงประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐจากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 37.94 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลข PMI ภาคบริการเดือนก.ย. ของจีนที่ออกมา 49.3 (55.0 เดือนส.ค.) ทำให้ตลาดกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันอันดับ 2 รองจากสหรัฐ
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 34.1 ดอลลาร์ หรือ 1.99% ปิดที่ 1,675.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 944.31 / –