Our View? “เงียบเหงา”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,562 / 1,557 และแนวต้านที่บริเวณ 1,575 / 1,585 คาดตลาดจะแกว่งตัวออกด้านข้างอิงทางลง โดยให้น้ำหนักกับความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และนำมาซึ่งการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย สอดคล้องกับ IMF และ World Bank แสดงความคิดเห็นเตือนเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าเช่นกัน อีกทั้งเราคาดตลาดจะรอดูการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ในวันที่ 13 ต.ค. นี้ เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อ โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาดว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ +8.1% YoY และ +0.2% MoM คาดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในระยะถัดไป จากปัจจุบันที่ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ที่ระดับ 0.75% และ 0.25% ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ตามลำดับ รวมทั้งจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกือบถึงระดับ 5.00% ทั้งปี’66 สอดคล้องกับทิศทางของ Dollar Index ยังคงเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 113.18 เร่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง สะท้อนภาวะ Risk off ของตลาด เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เริ่มย่อตัวลงปิดที่ระดับ 91.13 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.51 ดอลลาร์ หรือ -1.63% จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกัน โดยเมื่อวานนี้ตัวเลข PMI ภาคบริการเดือย ก.ย. ของจีนออกมาอยู่ที่ 49.3 ต่ำกว่าระดับ 50.0 สะท้อนภาคบริการจีนมีแนวโน้มหดตัวและต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 55.0 เป็นปัจจัยกระตุ้นเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มลดลงเพิ่มเติม คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้บ้าง
ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรายังคงแนะนำให้ระมัดระวังแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจากทิศทางค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ในระดับสูง ลดทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในแง่กระแสเงินทุนไหลเข้า คาดจะกดดันหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้อยู่ อีกทั้งเรามีความกังวลอ่อนๆ ต่อปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยล่าสุดได้รับผลกระทบรวมกว่า 52 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดที่ประสบอุทกภัย 37 จังหวัด คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันความเชื่อมั่นในแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ได้บ้าง แต่มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL และ DOHOME) รวมถึง TASCO อย่างไรก็ตาม เรายังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q65 เป็นต้นไปจะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นจากแรงขับของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ โดยเราคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งปี 65 อาจปรับตัวขึ้นมากกว่าระดับ 10 ล้านคน คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Re-Opening Play ปรับตัวขึ้นได้ต่อ (CPALL, MAKRO, MAJOR, PLANB, BJC, MINT, SHR และ VRANDA) อีกทั้งเรามองมีมุมมองเชิงบวกต่อจากที่ MAKRO เปิดเผยว่าจะไม่เข้าร่วมประมูล METRO ในอินเดีย คาดจะช่วยผ่อนคลาย Overhang ของตลาดในช่วงก่อนหน้า เป็นปัจจัยบอกต่อทิศทางราคา MAKRO และ CPALL เพิ่มเติม
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “TASCO”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 17.20 / 17.00 Target 18.10 / 20.00 Stop <16.70