Daily Focus: Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down ตามคาด ปิดลบอีก 7.89 จุด ณ สิ้นวัน ตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น และยังคงถูกกดดันจากคอลลาล์ที่แข็ง และ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 481 ลบ. และ 364 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways โดยมีแนวรับหลักบริเวณ 1,556-1,560 จุด มูลค่าการซื้อขายคาดเบาบาง โดยอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาว รวมถึงมีตัวเลขเศรษฐกิจสําคัญที่ต้องติดตาม คือ เงินเฟ้อ PPI และ CPI สหรัฐฯ เดือน ก.ย. ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะยิ่งกดดันให้ FED จําเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่อง ล่าสุด Bond Yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นใกล้แตะ 4% อีกครั้ง ส่วนภาคเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นหลัง IMF ปรับลดประมาณการ GDP โลกปี 2023 ลงเหลือ +2.7% มีโอกาส 25% ที่จะโตต่ำกว่า +2% ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่เช่นกัน และต้องติดตามสถานการณ์นํ้าท่วม กรณีหากขยายวงกว้างและเข้าไกล้กรุงเทพฯ จะเป็นความเสี่ยง ด้านกําไรบจ. 3Q22 กลุ่มธนาคารจะเริ่มประกาศวันนี้และหนาแน่นในสัปดาห์หน้า รวมถึงเริ่มทยอย Preview กำไรฝั่ง Real Sector ออกมามากขึ้น ซึ่งโดยรวมไม่น่าตื่นเต้นนัก เนี่องจากเป็นฤดูฝน ซึ่งเป็น Low Season อย่างไรก็ตาม เรายังมองบวกต่อกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ใน 4Q22 ที่กลับเข้า High Season ของทั้งภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงปี 2023 ที่ยังมีแนวโน้มเร่งตัว

กลยุทธ์:Selective Play // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : CBG

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 120.20 บาท
  • คาดกำไร 3Q22 อยู่ที่ราว 680-700 ลบ. โต Y-Y จากฐานที่ต่ำในปีก่อน แต่คาดลด Q-Q ตามการอ่อนตัวลงของรายได้ต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศเติบโตได้ตามมูลค่าตลาด Energy Drink ที่โตเร่งตัว ส่วน Margin คาดทรงตัวเ พราะยังมีสต็อกอลูมิเนียมราคาสูง
  • แนวโน้มกำไรน่าจะฟื้นตัวมากขึ้นใน 4Q22 หลังรับรู้ต้นทุนอลูมิเนียมถูกลง Consensus คาดกำไรปี 2022 Flat Y-Y และ +18% Y-Y ในปี 2023 ตามการฟื้นตัวของรายได้ในประเทศและการส่งออก รวมถึงต้นทุนอลูมิเนียมถูกลง ปัจจุบันเทรดที่ PER2023 เพียง 23 เท่า ต่ำกว่าอดีตที่ 28-30 เท่า
  • แนวรับ 80 บาท แนวต้าน 84-85 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,020 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$1,110 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$94 ล้าน ส่วนอาเซียนกระแสเงินทุนผสมผสานและเบาบาง แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดค่อนไปในทิศทางไหลออกแต่บางลง โดยคาดนักลงทุนต่างรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนวันนี้และพรุ่งนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.ย. โดยคืนนี้เป็นเงินเฟ้อผู้ผลิต ตลาดคาด PPI +0.2% M-M, +8.4% Y-Y สะท้อนต้นทุนภาคการผลิตที่ยังคงเร่งตัว และมีโอกาสส่งผ่านในระยะถัดไป ส่วนคืนวันพฤหัสฯ เป็นคิวของเงินเฟ้อผู้บริโภค ตลาดคาด Core CPI +0.5% M-M, +6.5% Y Y ยังเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า หากออกมาสูงกว่าตลาดคาดจะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่องจากโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่อง

(0) TISCO ประกาศกำไรวันนี้ คาดกำไร 3Q22 -3% Q-Q, +16% Y-Y ยังเป็นระดับที่แข็งแรงจากทั้งสินเชื่อที่ขยายตัว NIM ที่ขยับขึ้นเล็กน้อย รวมถึง Credit Cost ที่ยังต่ำ และการตั้งสํารองที่ลดลง ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคาดชะลอตัวตามภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้อ ราคาเป้าหมายจาก FSSIA อยู่ที่ 94 บาท แนะนำเพียง “ถือ” ส่วน Top Pick ยังคงเป็น BBL KTB ที่คาดได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นรวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้นสูงที่สุด

(+) COM7 คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดของปีแล้วใน 2Q22 และคาดฟื้นตัวสดใสใน 2H22 จากทั้งการขยายสาขาในห้างฯ และ Stand alone รวมถึง iPhone14 ที่ขายได้เร็วขึ้นและขายดีกว่ารุ่นก่อนๆ สำหรับดีล SWAP หุ้น SABUY 3.27% แลกกับการขายบริษัท ดับเบิ้ลเซเว่น จำกัด หรือ True Shop สัดส่วน 40% เบื้องต้นคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษใน 3Q22 ส่วนการเข้าซื้อบมจ.พุทธธรรมประกันภัยเป็น Synergy ระยะยาวในการขยายและต่อยอดในส่วนของธุรกิจประกันภัย คงราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) STANLY แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวเร็วกว่ากลุ่ม เพราะการบริหารจัดการวัตถุดิบที่ดี วัตถุดิบที่ด้องนำเข้าส่วนใหญ่ ซื้อพร้อมกันกับกลุ่มสแตนเลส ทำให้มีอำนาจต่อรองและไม่มีสต๊อกวัตถุดิบต้นทุนสูงเป็นภาระมากนัก ขณะที่เม็ดพลาสติกเรซินปรับลงเร็วมาก ส่วนรายได้คาดฟื้น +6% Q-Q, +16% Y-Y และไตรมาสนี้มีเงินปันผลรับจากบริษัทในกลุ่ม เราจึงคาดกำไรสุทธิ +28% Q-Q, +52% Y-Y ทิศทางกำไรยังฟื้นต่อเนื่อง ปัจจุบันเทรด PER 6.4 เท่า และให้ Dividend Yield 6% คงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 240 บาท แนะนำ “ซื้อ

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 29,239.19 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 36.31 จุด หรือ +0.12% ได้แรงหนุนจากหุ้นแอมเจน (Amgen, Inc.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.72% ขณะที่ถูกกดดันจาก IMF ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลงเล็กน้อย จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอ และกำไรบริษัทจดทะเบียนอาจจะถูกกดดันจากดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย แกว่งตัวผสม โดยตลาดยังกังวลกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนยังรอตัวเลขเงินเฟ้อ PPI และ CPI สหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 38.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 89.35 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีน ทำให้ตลาดยังกังวล Demand น้ำมันลดลง

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.8 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,686 ดอลลาร์/ออนซ์ แรงหนุนจากดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่า

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 944.31 /

- Advertisement -