บล.พาย: 

SCGP: บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง “แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/22 ไม่ค่อยดี จากอุปสงค์ที่อ่อนแอ”

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 61.00 บาท จาก 65.00 บาท อิง 30xPE’23E (จาก 33xPE’22E) หรือที่เป็นค่าเฉลี่ย 3 ปี เล็งเห็นศักยภาพด้านกำไรที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/22 เป็นต้นไป หนุนจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้น ด้วยภาพรวมอุปสงค์ที่ดีขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง บวกกับการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าจากดีล M&P

คาดกำไรไตรมาส 3/22 ที่ไม่สู้ดีจากอัตรากำไรที่ชะลอตัวลง

ประเมินกำไรปกติไตรมาส 3/22 ที่ 1.7 พันล้านบาท (+25%YoY, -9%QoQ) อิงจากคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 17.2% (ทรงตัว YoY, -0.3ppts QoQ) คาดอัตรากำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรโต YoY แต่ลดลง QoQ จากอุปสงค์ต่อปริมาณขายบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ ฉุดลงจากการส่งออกไปจีนที่ลดลง (ราว 7% ของยอดขายไตรมาส 2/22) อัตรากำไรในธุรกิจเยื่อและกระดาษคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ หนุนจากราคาเยื่อกระดาษในตลาดที่แข็งแกร่งในระดับ US$813/ตัน (+ 21%QoQ) ในไตรมาส 2/22 เป็นผลจากความเหลื่อมของเวลาในการปรับราคา ทั้งนี้ ประเมินว่ารายได้จะอยู่ที่ 40 ล้านบาท (+25%YoY, +5%QoQ) การเติบโต YoY เป็นเพราะฐานต่ำในไตรมาส 3/21 ที่อยู่ในช่วงโควิด-19 และส่วนแบ่งจากดีล M&P ใหม่ ส่วนที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจากราคาที่ทรงตัวแม้อุปสงค์ลดลง

มีโอกาสโตขึ้นในไตรมาส 4/22 หลังจากสะดุดในไตรมาส 3/22

เชื่อว่าทิศทางกำไรไตรมาส 4/22 จะฟื้นตัว YoY จากฐานต่ำปีก่อน และโต QoQ จากอัตรากำไรที่สูงขึ้น หนุนจากส่วนต่างที่กว้างขึ้นระหว่างราคาบรรจุภัณฑ์กระดาษในตลาดและต้นทุนกระดาษรีไซเคิล นอกจากนี้ ราคาเยื่อกระดาษที่ยืดหยุ่น รวมถึงต้นทุนพลังงานที่จัดการได้ และแรงกดดันจากค่าขนส่งที่ลดลงจะสะท้อนให้เห็นในไตรมาส 4/22 โดยราคาผลิตภัณฑ์และต้นทุนของบริษัทมักใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะตามราคาตลาดทันส่วนต่าง ราคากระดาษในตลาดช่วงไตรมาส 3/22 เพิ่มเป็น US$280/ตัน (+70%YoY, +14%QoQ) เพราะต้นทุนกระดาษรีไซเคิลที่ลดลงอย่างมากเหลือ US$200/ ตัน จาก US$275/ตัน ในไตรมาส 2/22 ต้นทุนวัตถุดิบขาลงนี้เป็นผลจากการเก็บรวบรวมกระดาษรีไซเคิลที่ดีขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19 และต้นทุนการขนส่งที่ลดลง

คงคําแนะนํา “ซื้อ” การเติบโตในระยะยาวยังคงเดิม

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับลดมูลค่าพื้นฐานจาก 65.00 บาท มาอยู่ที่ 61.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรและลดค่า PE ลงเป็น 30xPE’23E (เดิมที่ 33xPE’22E) อิง -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 3 ปี การปรับลดค่า PE ลงเป็น 30xPE’23E ก็เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาพมหภาค เชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนต้นทุนที่พุ่งขึ้นไปบ้างแล้ว  แนะนำให้นักลงทุนหันไปให้ความสําคัญกับภาพรวมที่สดใสมากขึ้นในไตรมาส 4/22 หนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์การใช้กระดาษ ทบต้นจากคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 10%/13% ในปี 2023-24 ตามลำดับ

Earnings revision

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2022-24 ลง 7%/10% 9% ตามลำดับ เป็นผลจากการปรับลดสมมติฐาน GPM ลงราว 2ptts ทั้งช่วงปี 2022-24 เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่ปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ขึ้น 10%-16% to เพราะราคาขายที่สูงขึ้น

Revenue breakdown

  • สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (IPC): บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่า 120,000SKU ซึ่งแบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่
    • ธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ (สัดส่วน 61% ของรายได้รวม) : ธุรกิจส่วนนี้ประกอบด้วยบรรจุภัณฑ์กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษประเภทอื่นๆ
    • ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ (สัดส่วน 29% ของรายได้รวม): บรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษลูกฟูก กล่องจดหมาย และบรรจุภัณฑ์กล่องพิมพ์สีสำหรับจัดแสดงสินค้า
    • ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ (สัดส่วน 10% ของรายได้รวม): ประกอบด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และแข็งแรง ซึ่งลูกค้าเอาไว้ใส่ผลิตภัณฑ์
  • สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ (FC): (สัดส่วน 15% ของรายได้รวม) : บริษัทมีบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ภายใต้แบรนด์ “Fest” ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อกระดาษ และกระดาษสำหรับพิมพ์และเขียน
- Advertisement -