บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +35.7%

Close Oct 12, 2022 Price (THB) 14.30

12M Target (THB) 19.40

Previous Target (THB) 19.40

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ 336 ล้านบาท ลดลง OoQ ตามปริมาณขายลดลง (ปัจจัยฤดูกาล) และค่าการตลาดที่ลดลง QoQ จากฐานที่สูง แต่ฟื้นตัวเด่น YoY จากฐานที่ต่ำ เพราะปริมาณขายน้ำมันที่ฟื้นตัวหลัง COVID-19 คลี่คลายและค่าการตลาดน้ำมันที่สูงขึ้น YoY เป็นหลัก
  • กำไรปกติ 4Q65 มีโอกาสเติบโต QoQ และพลิกเป็นกำไร YoY จาก 1) High Season ของการเดินทางในประเทศและช่วงเก็บเกี่ยวของภาคการเกษตร และ 2) คาดภาครัฐไม่ใช้มาตรการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันเหมือน 4Q64

Our view

  • คาดสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อ PTG จํากัด เพราะ 1) ยังไม่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่โดยรอบสถานีบริการ ทำให้ยังสามารถขายน้ำมันได้ปกติ 2) ปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมปี 2565 ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2564
  • คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 19.40 บาท/หุ้น โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER66 ที่ 13x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี -1SD ประกอบกับผลประกอบการที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวจึงคาดมี Downside จำกัดแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อ”

PTG ENERGY คาดกำไรปกติ 3Q65 ฟื้นตัวเด่น YoY

คาดกำไรปกติ 3Q55 ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่ฟื้นเด่น YoY จากฐานที่ต่ำ

คาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ 336 ล้านบาทลดลง -43% QoQ แต่ฟื้นตัวเด่น +425% YoY กำไรปกติที่ลดลง QoQ เป็นผลจาก 1) คาดปริมาณขายน้ำมันรวมที่ 1,260 ล้านลิตร (-8% QoQ, +14% YoY) จากการออกจากช่วงเพาะปลูกของภาคการเกษตร และปริมาณการเดินทางที่ลดลง (ไม่มีวันหยุดสงกรานต์) 2) คาดค่าการตลาดน้ำมันลดลงมาที่ 1.95 บาท/ลิตร (-9% QoQ, +4% YoY) จากฐานที่สูงใน 2Q65 และ 3) คาดส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจ Palm Complex ใน 3Q65 ที่ราว 70 ล้านบาทเทียบกับใน 2Q65 ที่ 50 ล้านบาท (ผลจากราคาขายน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO ที่ปรับตัวลงเร็วกว่าต้นทุนการผลิต) ขณะที่การฟื้นตัว YoY จากฐานที่ต่ำเป็นผลจาก 1) การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่คลี่คลาย และการเปิดประเทศทำให้ปริมาณขายน้ำมันฟื้นตัวเด่น YoY และ 2) ค่าการตลาดน้ำมันที่สูงขึ้น YoY เป็นหลัก หากกำไรปกติ 3Q65 ออกมาตามคาด ทําไรปกติ 9M65 จะคิดเป็นสัดส่วน 68% ของประมาณการทั้งปี

กำไรปกติ 4Q65 มีแนวโน้มเติบโต QoQ และพลิกเป็นกำไร YoY

แม้ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันจะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 แต่เบื้องต้นคาดกำไร 4Q65 ในระดับ 450-500 ล้านบาท เติบโต QoQ เพราะการเข้าสู่ High Season ของการเดินทางในประเทศ และช่วงของการเก็บเกี่ยวของภาคการเกษตรจะหนุนปริมาณขายน้ำมันรวม ทำให้สามารถชดเชยผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวได้ นอกจากนี้การปรับสัดส่วนผสมน้ำมันดีเซลจาก B5 เป็น B7 จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของราคา CPO (ธุรกิจ Palm Complex ขาดทุนน้อยลงและมีโอกาสพลิกเป็นกำไร) ขณะที่ภาพ YoY มีโอกาสสูงที่กำไรปกติ 4Q65 จะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรได้เพราะ 1) ปริมาณขายน้ำมันรวมที่เติบโตขึ้น YoY จากการขยายสาขาและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และ 2) คาดภาครัฐไม่ใช้มาตรการแทรกแซงค่าการตลาดเหมือนใน 4Q64 ค่าการตลาด 4Q65 จึงมีแนวโน้มฟื้นตัว YoY มาที่ระดับ 1.80 – 1.90 บาท/ลิตร (เทียบกับ 1.26 บาท/ลิตร ใน 4Q64)

คาดสถานการณ์นํ้าท่วมกระทบจํากัด

จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับ PTG สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานยังไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายน้ำมันใน 4Q65 อย่างมีนัยสำคัญ (คาดสถานการณ์ในช่วง 4QTD กระทบปริมาณขายต่ำกว่า 3 ล้านลิตร) เพราะ 1) ยังไม่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่โดยรอบสถานีบริการทำให้ยังสามารถขายน้ำมันได้ตามปกติ และไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการซ่อมแซม และ 2) หากอิงข้อมูลในเดือน ก.ย. ของ GISTDA สถานการณ์น้ำท่วมในปี 2565 ยังอยู่ใกล้เคียงกับปี 2564 ประกอบกับจำนวนพายุในเดือน ต.ค. ปี 2564 และ 2565 ที่มีจำนวนใกล้เคียงกัน (ราว 2-3 ลูก) จึงคาดผลกระทบต่อปริมาณขายในปี 2565 จะใกล้เคียงกับปี 2564 ดังนั้นเราจึงคงสมมติฐานปริมาณขายน้ำมันในปี 2565 ที่ 5,166 ล้านลิตร (+7% YoY) และคงประมาณการปี 2565 ที่ 1,608 ล้านบาท (+60% YoY)

Downside จํากัดและอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว…คงคำแนะนํา “ซื้อ”

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 19.40 บาท/หุ้น มี Upside +35.7% โดยราคาหุ้นปรับตัวลง -11% 4QTD ตามสภาวะตลาดและความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER66 เพียง 13x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี -1SD ขณะที่ผลประกอบการอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว เราจึงมองว่ามี Downside ที่จำกัดแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -