Daily Focus: Earnings and Selective Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ชะลอความร้อนแรงระยะสั้น หลังจากปรับขึ้นดี 2 วันก่อนหน้า โดยดัชนีปิดย่อลงเล็กน้อย 1.64 จุด ณ สิ้นวัน ส่วนมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 4.9 หมื่น ลบ. สถานะของนักลงทุนรายกลุ่มเบาบาง โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเล็กน้อย 185 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 75 ลบ. (un Long Index Futures ต่อเนื่องอีกสูงถึง 3.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways พักตัวระยะสั้น หลังทดสอบแนวต้านโชน 1,595-1,600 จุด แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านใต้ ขณะที่บรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นลบมากขึ้นหลัง Bond Yield สหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนี่อง โดยล่าสุดอายุ 10 ปีแตะระดับ 4.13% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 สวนอายุ 2 ปี แตะ 4.57% สะท้อนมุมมองดอกเบี้ย FED ที่ยังเร่งผิวใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้า รวมถึงภาพ Inverted Yield Curve ที่ยังคงค้างอยู่ต่อเนื่องยังเป็นสัญญารเดือนโอกาสเกิด Recession ในปี 2023 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังคงสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้ให้ฟื้นตัวได้จำกัด โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดหุ้นไทย เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางดัชนีที่คาดปรับตัวได้แข็งแรงกว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้น และเร่งตัว ขณะที่โฟกัสของตลาดระยะนี้อยู่ที่การประกาศกำไร 3Q22 กลุ่มธนาคาร และการทยอยคาดการณ์ฝั่ง Real Sector ที่ทยอยหนาแน่นขึ้น เรายังคงชอบหุ้น Domestic และ Reopening Play ใน 4Q22-2Q23

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q22 แข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//คือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ่นเด่นเดือน ต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : PRM

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท
  • แนวโน้มกำไร 3Q22 สดใส เบื้องต้นคาด +3% Q-Q, +38% Y-Y เพราะเรือที่ทยอยเข้ามาใน 1H22 จะทำงานเต็มที่ตั้งแต่ 3Q22 และรับเรือใหม่อีก 1 ลำใน 4Q22
  • บาทอ่อนกระทบสุทธิเป็นบวกเล็กน้อย เพราะมีเงินกู้เป็น USD ราว $40 กว่าล้าน ชดเชยได้จากรายได้ที่เป็น USD ประมาณ 60% ของรายได้ทั้งหมด เป็นหุ้นเปิดเมืองที่ยัง Laggard
  • ปัจจุบันเทรด 2023PER เพียง 12 เท่า
  • แนวรับ 6//5.60 บาท แนวต้าน 6.50-6.60//6.85 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$247 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$389 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$140 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานและเบาบางมาก แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก หลัง Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 กลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) ADVANC แจ้งตลาดขอทบทวนซื้อหุ้น TTTBB และ JASIF หลังเงื่อนไขบังคับไม่สมบูรณ์ FSSIA ประเมินโอกาส 50:50 ในการเดินหน้าซื้อกิจการตามสัญญาเช่าเดิมหรือล้มดีล เนื่องจากทำให้ความน่าสนใจน้อยลงในแง่ประโยชน์หรือผลตอบแทนในอนาคต เนื่องจากเม็ดเงินรวมที่ต้องจ่ายสูงขึ้นจากที่เสนอ โดยประเมิน Upside จากดีลดังกล่าว เพียง 2-8 บาท จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 242 บาท อย่างไรก็ตาม ยังมี Catalyst บวก จากการแข่งขันที่จะลดความรุนแรงลง หากที่ประชุมกสทช.วันนี้มีมติอนุญาตให้ DTAC-TRUE ควบรวมกันได้ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในระยะยาวลดลง และเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้น ยังคงค่าแนะนำ “ซื้อ”

(+) EKH คาดกำไร 3Q22 +34% Q-Q จาก High Season หนุนผู้ป่วย Non-COVID 19 โตเด่น แต่ -58% Y-Y จากฐานสูงปีก่อน เนื่องจากมีเดลต้าระบาดหนัก ส่วนด้าน Margin คาดปรับตัวดีขึ้นจาก Operating Leverage หลังต่ำผิดปกติไตรมาสก่อน ระยะยาวเรามองบวกต่อการลงทุนทั้งใน KLINIQ โรงพยาบาลคูน รวมถึง Utilization Rate ที่เกือบเต็มในปัจจุบัน ทำให้อาจเห็นแผนหรือโอกาสขยายหรือสร้างอาคารใหม่ใน 1-2 ปี ข้างหน้ารองรับการเติบโตระยะยาว เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2022 ขึ้นเป็น -25% Y-Y หลังแนวโน้ม 9M22 ดูดีกว่าคาด ส่วนปี 2023 คาดชะลอเล็กน้อย -5% Y-Y ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 9.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) LEO คาดกำไร 3Q22 +8% Q-Q, +106% Y-Y ยังทำ New High ได้ต่อเนื่อง แม้ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์จะปรับลงแรง แต่เป็นช่วงปลายไตรมาสทำให้กระทบไม่มาก อย่างไรก็ตาม เรามองกำไรผ่านพีคไปแล้วและจะชะลอตัวใน 4Q22 ชัดเจนตามทิศทางค่าระวาง และเป้าการเติบโตของรายได้ปีหน้าที่ไม่น้อยกว่า 20% Y-Y ค่อนข้างท้าทาย ส่วนการขยายธุรกิจ Logistic อื่นต้องติดตามว่าจะเข้ามาชดเชยทันหรือไม่ เรายังคงประมาณการกำไรปี 2022 +82% Y-Y ส่วนปี 2023 คาด –27% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 15 บาท แนะนำเพียง “ถือ”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 30,423.81 จุด ลดลง 99.99 จุด หรือ -0.33% จากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลง โดยนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อระดับสูง ซึ่งกดดันธนาคารกลางต่างๆ ใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 38.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 85.55 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้ยังปรับขึ้นต่อที่ระดับ 85.88 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.39%

(-) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 21.6 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,634.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ยังปรับลงต่อที่ระดับ 1,635.50 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.10%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 932.73 / -5.37

- Advertisement -