Our View? “ไม่ไหวก็พักก่อน”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,585 / 1,575 และแนวต้านที่บริเวณ 1,598 / 1,610 คาดตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศอีกครั้ง ตามแรงกดดันของอัตราพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) เร่งตัวขึ้นแรงเมื่อคืนนี้โดยรุ่นอายุ 2 และ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.57% และ 4.14% หรือ +2.82% และ +3.05% ตามลำดับ ลดทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นในแง่อัตราผลตอบแทนเมื่อเปรียบเทียบระหว่างอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์เสี่ยง/สินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งยังเป็นปัจจัยสะท้อนตลาดยังคงกังวลกับแนวโน้มการเร่งดอกเบี้ยของสหรัฐที่รุนแรงมากขึ้นอีกครั้ง เรามองเป็นสอดคล้องกับนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขามินนีแอโพลิสกล่าวแสดงความคิดเห็น FED อาจจำเป็นต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นสูงกว่าระดับ 4.75% หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง โดยล่าสุด CME FEDWatch Tools ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะกลางของ FED ในช่วงต้นปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 5.00-5.25% มากกกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนตัวลงได้อีกครั้ง อีกทั้ง Dollar Index เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 112.88 คาดเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้าสู่ภาวะ Risk-off ได้อีกครั้ง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้รีบาวด์ ปิดที่ระดับ 85.55 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.73 ดอลลาร์ หรือ +3.30% หลังเมื่อคืนนี้สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐยังแข็งแกร่ง อาจหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้น ประคองตลาดหุ้นไทยได้บ้างในระยสั้น อย่างไรก็ตาม เราคาดการณ์รัฐบาลสหรัฐจะระบายน้ำมันจากคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จำนวน 15 ล้านบาร์เรล เพื่อสกัดการเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันหลัง OPEC+ มีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงเดือน พ.ย. คาดจะจำกัด Upside ของราคาพลังงานได้อยู่
ในส่วนของปัจจัยในประเทศ เราคาดตลาดยังคงให้ความสนใจกับการเปิดเผยผลประกอบการในช่วง 3Q65 โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มประกาศเป็นกลุ่มแรกจะเพิ่มขึ้น 1.66% QoQ และ 26.55% YoY คาดจาก Credit Cost ที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้น และ NIM ที่ปรับตัวขึ้นจาก 2Q′65 จากสินเชื่อที่โตขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คาดจะเป็นปัจจัยหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB และ TTB) ได้บ้าง ขณะที่คาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทย ทั้งปี’65 โดย Bloomberg Consensus คาดจะอยู่ที่ระดับ 105.9 บาท/หุ้น เร่งตัวขึ้นจากช่วงเดือนก่อนที่ ระดับ 104.0+/- สะท้อนตลาดเริ่มปรับประมาณการผลประกอบการ 3Q′65 อาจออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิม มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยใดบ้าง
อย่างไรก็ดี เราเริ่มกลับมากังวลต่อทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นอีกครั้ง ตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 38.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเรามองว่าหากค่าเงินบาทปรับตัวขึ้นเหนือ 38.50 อีกครั้งคาดอาจเห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติได้ต่อ ทั้งนี้เรายังมุมมองมองเชิงบวกบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL, DOHOME และ TASCO) และหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) จากแนวโน้มการออกงบเยียวยาน้ำท่วมหลังสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มผ่อนคลายลง รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการช็อปดีมีคืนของรัฐบาลในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “BJC”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 31.75 / 31.25 Target 34.00 / 36.00 Stop <30.75