บล.บัวหลวง:
Krungthai Card (KTC TB/KTC.BK)
KTC – กำไรเป็นไปตามคาด
ผลประกอบการเป็นไปตามที่คาด
KTC รายงานกำไรไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1.77 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.6% YoY แต่ลดลง 6.4% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาด (และตลาดคาด) กำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมหนี้เสียอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 2% QoQ กําไรรวม 9 เดือนของปี 2565 คิดเป็น 75.5% ของประมาณการเต็มปีของเราที่ 7.2 พันล้านบาท
ประเด็นหลักผลประกอบการ
สินเชื่อขยายตัว 2.0% QoQ ในปลายเดือนก.ย. 2565 หากแบ่งตามประเภทสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 6.35 หมิ่นลัานบาท เพิ่มขึ้น 3.5% 000 และสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 3.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% QoQ แด่สินเชื่อเข่าชื้ออยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ลดลง 41.5% QoQ (สินเชื่อเช่าซื้อและจํานําทะเบียนใหม่ของ KTC ขยายตัวอยู่ที่เพียง 8 ร้อยล้านบาท) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 11.8% ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 8bps YoY (ต้นทุนเงินทุนลดลง) แด่ลดลง 16bps QoQ
KTC ตั้งสำรองฯ สุทธิอยู่ที่ 419 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 ลดลง 25% YoY แต่เพิ่มขึ้น 124% Q00 สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.0% ในปลายเดือนก.ย. 2565 ลดลงจาก 3.5% ในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 251% ลดลงจาก 300% ในปลายเดือนมี.ค. (KTC บันทึกสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซี้อในพอร์ตของ KTBL) ในด้านมูลค่าสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.3 พันล้านบาทในปลายเดือนก.ย. ทรงตัว QoQ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (รวมถึงค่าธรรมเนียมเครดิต) อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 2% QoQ อัตราส่วนต้นทุนต่อรายรับในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 43.9% ลดลงจาก 45.5% ในไตรมาส 3/64 แต่เพิ่มขึ้นจาก 43.6% ในไตรมาส 2/65
แนวโน้ม
เราประมาณการกำไรไตรมาส 4/65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 40% YoY (ทรงตัว QoQ)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราประมาณการกำไรปี 2565 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นน่าจะกลบผลกระทบจากการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง (เราประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2565 อยู่ที่ 13% ก่อน หน้าเราคาดการณ์ 17%)
คําแนะนํา
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2556 ลง 2.1% มาอยู่ที่ 8 พันล้านบาท (เพิ่มČน 12.2% YoY) เนี่องจากเราปรับลดสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 ลง (หนุนโดยสินเชื่อจำนำทะเนียน] จาก 16.1% มาอยู่ที่ 13.6%. เราปรับเป้าหมายการลงทุนเป็น ณ สิ้นปี 2566 ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 60 บาท อิง PBV ที่ 4.2 เท่า ทั้งนี้ราคาเป้าหมายเดิม ณ สิ้นปี 2565 ของเราอยู่ที่ 67 บาท ซึ่งเราปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ลง เนื่องจากเราคาดว่าการเติบโตของกําไรจะชะลอตัวลงจาก 22% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 12% ในปี 2566 ดังนั้น เราจึงปรับลดค่าแนะนำลงจากซื้อ เป็น ถือ