บล.พาย:
STANLY: บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า “คาด FY2Q23 กำไรทะลุ 400 ลบ.”
เราคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 207 บาท (10XPER’23E) จากปัจจัยบวกเรื่องผลประกอบการงวด FY2Q23 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะออกมาสูงกว่า 400 ลบ. ได้อีกครั้ง ซึ่งเกิดจากการได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา รวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิปของคู่ค้าเริ่มคลี่คลาย ทำให้การขายสินค้าทำได้มากขึ้น ขณะที่การเข้ามาของรถยนต์ EV ทาง STANLY เองก็มีความพร้อมในการเข้าร่วมอยู่แล้ว
คาดกำไรโต 58%YoY, 33%QoQ
- FY2023 เราคาดว่ากำไรงวด FY2Q23 (ก.ค.-ก.ย.) จะอยู่ที่ 423 ลบ. (+ 58%YoY, +33%QoQ) ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม หลังปัญหาการขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลาย เห็นได้จากตัวเลขการผลิตรถยนต์ ในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 35%YoY, 27%QoQ รวมถึงการรับรู้เงินปันผลจากบริษัทในกลุ่มเข้ามากว่า 75 ลบ. (FY1Q23 ไม่มี ส่วน FY2Q22 มีเพียง 24 ลบ.)
- รายได้คาดไว้ที่ 3,538 ลบ. (+17%YoY, +8%QoQ) การเติบโตน้อยกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากลูกค้าหลักอย่าง HONDA มียอดขายเติบโตพียง 13%YoY ขณะที่โมเดลใหม่มีรุ่นสำคัญเข้ามาอย่าง Yaris Ative เพิ่ม กำไรขั้นต้นคาดไว้ที่ 16.9% ดีขึ้นจาก 16% ใน FY2Q22 และ 16.7% ใน FY1023 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดไว้ที่ 283 ลบ. เพิ่มขึ้น 15%YoY, 5%QoQ
- ส่วนแบ่งจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมคาดไว้ที่ 110 ลบ. (+ 169%YoY, +43%QoQ) จากผลประกอบการของบริษัทร่วมที่ดีขึ้น
- แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีจนถึงปีหน้า ในแง่รายได้คาดว่าจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หลังจากปัญหาเรื่องการขาดแคลนชิปเริ่มดีขึ้น ขณะที่สินค้าใหม่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายปีคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจากโมเดลรถกระบะเข้ามาอีก 1 รุ่น
- ส่วนรถ EV คาดว่ากว่าจะเริ่มผลิตในไทยจะใช้เวลาอีก 2 ปี จึงยังมีเวลาในการเจรจาเพื่อหาคำสั่งซื้อเพิ่มในอนาคต
หลังแนวโน้ม FY2Q22 ออกมาดีจึงคงประมาณการณ์ไว้ก่อน
หากกำไรสุทธิออกมาตามที่เราคาดจะทำให้กำไรในช่วง FY1H23 อยู่ที่ 741 ลบ. คิดเป็นสัดส่วน 47% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 1,583 ลบ. (+4% YoY) ทําให้เราคงประมาณการทั้งปีไว้เท่าเดิมจากปัจจัยบวกข้างต้นเรื่องปัญหาการขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลาย
Revenue breakdown
โครงสร้างรายได้ของ STANLY แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ 1.หลอดไฟ (Bulb) 2.โคมไฟ (Lamp) และ 3. แม่พิมพ์ (Die&Mold) โดยแหล่งมีการขายในประเทศที่ระดับ 64% และต่างประเทศ 36%
