ตลาดหุ้นยังอยู่ในจุดค่อยๆ ฟื้นตัว

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปรับตัวขึ้น 1.3% ตลาดผ่อนคลายกับภาวะดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ 46.6 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 49.6 และต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 49.3 ขณะที่ภาคผลิตก็ต่ำกว่าตลาดคาด ด้านราคาน้ำมันดิบลดลง 0.3% หลังจีนเปิดเผยการนำเข้าน้ำมันดิบที่ชะลอตัวลง

Market Outlook

สัปดาห์นี้มีความเป็นไปได้ที่ SET INDEX จะปรับเพิ่มขึ้นประเมินกรอบ 1585 – 1625 หนุนจากปัจจัยบวกด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปีที่อ่อนตัวลงในวันศุกร์ หลังจากประธาน FED บางสาขาออกมาให้ข้อมูลว่าถึงเวลาแล้วที่ FED จะต้องเริ่มหารือเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลง ขณะที่บางท่านให้ความเห็นว่า FED ควรปรับขึ้นดอกเบี้ยไว้บริเวณ 4.5% และปีหน้าควรจะคงไว้ที่ระดับดังกล่าว ซึ่งความเห็นล่าสุดจาก CME FED WATCH เริ่มมีท่าทีที่อ่อนลงโดยการประชุมเดือน ธ.ค. จากเดิมตลาดประเมินไว้ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% น้ำหนักส่วนมากเริ่มลงมาเหลือเพียง 0.5% ผลกระทบต่อประเทศไทยเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง และมีโอกาสที่ Fund Flow ต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย

มองหุ้นขนาดใหญ่จะเป็นกลุ่มที่น่าสนใจประกอบไปด้วย ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (1) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (CB) ในวันอังคาร Bloomberg คาดที่ 105.7 (2) คำสั่งซื้อสินค้าคงทน ในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ 0.6%MoM (3) ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ในวันพุธ Bloomberg คาดที่ 5.79 แสนหลังคาเรือน ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมามองว่าหากต่ำกว่าคาดการณ์จะดีกับตลาดหุ้นมากกว่า เพราะคลายกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ และยิ่งสนับสนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลงต่อเนื่อง

ส่วนในประเทศเน้นไปที่การประกาศผลประกอบการ 3Q22 หลังกลุ่มธนาคารพาณิชย์ฯ รายงานกำไรที่น่าประทับใจ ก็คาดหวังว่ากลุ่ม Domestic จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ปัจจัยด้านผลประกอบการจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TISCO TTB) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) อสังหา (LH SPALI)

Pi Stock Picks

KTB (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 20.20 บาท)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2022-24 ขึ้น 7%/8%/8% เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 3/22 ด้วยเหตุนี้จึงประเมินอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2022 ที่ 53% YoY และด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น บวกกับดอกเบี้ยขาขึ้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิจะโตต่อเนื่อง 8% 11% YoY ในปี 2023-24 ตามลำดับ

SCB (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 144.00 บาท)

บริษัทตั้งเป้า ROE ธุรกิจธนาคารรในหลักสิบต้นสำหรับปี 2025 และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อดิจิทัล (Gen 2) รวมถึงระบบนิเวศด้านดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น (Gen 3) ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 3/22 ออกมาอยู่ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท (+17% YoY, +3% QoQ)

- Advertisement -