บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +38.8%

Close Oct 21, 2022 Price (THB) 3.60

12M Target (THB) 5.00

Previous Target (THB) 5.05

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ 27 ลบ (+22.0%QoQ, +3.1%YoY) คาดยอดขายทรงตัว QoQ จากการส่งมอบสินค้าที่เลื่อนไป 4Q65 แต่ YoY เติบโต เด่น 24.6% จากกำลังการผลิตที่เพิ่มจากปีก่อน
  • 4Q65 คาตกำไรปกติราว 35-40 ลบ. จุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากออเดอร์ที่เลื่อนมาจาก 3Q65 และ GPM ที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อ จากต้นทุนการขนส่งและต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลง

Our view

  • เรายังมองบวกต่อโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของบริษัท จากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านมอเตอร์สระว่ายน้ำ AC เป็น BLDC ในต่างประเทศ ซึ่ง PIMO เป็นเพียง 1 ใน 3 รายในโลกที่มีสิทธิบัตรในการผลิต
  • เราปรับประมาณการก่าไรปกติปี 2565 และ 2556 ลง 18.2% และ 12.5% ตามลำดับ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้น 2Q66 ที่ 4,444 บาทต่อหุ้น ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER56 ที่ 18.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 25.1 เท่า คงคําแนะนํา “ซื้อ”

PIONEER MOTOR คาดกำไร 3Q65 โต QoQ และ YoY แม้มีมรสุม

3Q65 GPM เริ่มฟื้นตัว แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน

คาดกำไรปกติของ PIMO ใน 3Q65 ที่ 27 ลบ. (+22.0%QoQ, +3.1%YoY) โดยเราคาดยอดขายที่ 313 ลบ. (+1.4%QoQ, +24.6%YoY) ซึ่งปกติไตรมาส 3 จะเป็น High Season แต่ปีนี้พบว่าการส่งมอบสินค้าบางส่วนเกิดการล่าช้าจากปัญหาการขนส่ง และเลื่อนไปส่งมอบใน 4Q65 แทน ทำให้ยอดขายทำได้เพียงทรงตัว QoQ ขณะที่ GPM ใน 2Q65 ยังไม่เห็นผลของราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลง เพราะบริษัทยังมีสต็อกวัตถุดิบที่ราคาสูงอยู่ แต่จะเห็นผลของราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลงชัดเจนขึ้นใน 3Q65 คาด GPM ฟื้นตัวขึ้นเป็น 16.5% จาก 15.9% ใน 2Q65 ทำให้กำไรปกติยังเติบโตได้ QoQ แม้ยอดขายจะทรงตัว ทั้งนี้เมื่อเทียบ YoY GPM ยังลดลงจาก 20.6% ใน 3Q64 เพราะต้นทุนยังสูงขึ้น YoY ซึ่งกำไรปกติยังเติบโตได้ 3.1%YoY จากยอดขายที่เติบโตขึ้นทั้งในแง่ของปริมาณและราคาขาย

ปรับลดประมาณการยอดขายและ GPM

เราปรับประมาณการยอดขายปี 2565 และ 2566 ลง 12.0% และ 8.1% ตามลำดับ จากความเสี่ยงในการเกิด Recession ของยุโรป ทำให้บริษัทเลื่อนการขยายกำลังการผลิตมอเตอร์ AC จากเดิมที่คาดว่าจะขยายในช่วง 3Q65-4Q65 เลื่อนไปเป็น 2Q66 ขณะที่เราคาดว่า GPM ใน 3Q65 จะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้มากพอที่จะทำให้ GPM ทั้งปี 2565 ใกล้เคียงกับที่เราคาดที่ 18.5% จึงปรับประมาณการ GPM ในปี 2565 ลง 2.0% เป็น 16.5% อย่างไรก็ตาม ราคาซิลิคอนซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบหลักยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เราจึงปรับประมาณการ GPM ปี 2566 ปรับลง 2.1% จาก 19.5% เป็น 17.4% และปรับประมาณการรายได้อื่นขึ้น ตามราคาขายเศษเหล็กซิลิคอน จากการปรับประมาณการดังกล่าว ทําให้กำไรปกติลดลงจากประมาณการเดิม 16.2% และ 12.5% เป็น 116 ลบ. (+27.2%YoY) และ 158 ลบ. (+35.7%YoY) ในปี 2565-2566 ตามลำดับ หาก 3Q65 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 68.3% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเรา ขณะที่ 4Q65 เบื้องต้นคาดกำไรปกติมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ราว 35 – 40 ลบ. จากสินค้าที่เลื่อนส่งมอบมาจาก 3Q65 และ GPM ที่ฟื้นตัว

ปัญหาคอขวดคลี่คลาย ปีหน้ายังมี Upside คงคำแนะนำซื้อ

บริษัทแก้ไขปัญหาคอขวด ด้วยการซื้อเครื่องจักรใหม่มาทดแทนเรียบร้อยแล้ว และปัญหาการขาดแคลนชีพก็เริ่มคลี่คลายแล้วเช่นกัน ขณะที่ออเดอร์จากลูกค้ารายใหญ่ในออสเตรเลียคาดว่าจะเข้ามาภายใน 2Q66 เนื่องจากลูกค้ายังไม่ส่งแม่พิมพ์มาให้บริษัท และมอเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์ EV ปัจจุบัน GPX กำลังทดสอบใช้งานมอเตอร์ คาดว่าจะเห็นรายได้ส่วนนี้เข้ามาภายใน 2Q66 เช่นกัน ซึ่งทั้งลูกค้าออสเตรเลียและ EV เป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ นอกจากนี้แม้ยอดขายจะทรงตัว QoQ จากการเลื่อนส่งมอบ แต่กำไรยังเติบโตได้ QoQ และ YoY ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่า 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอบรับผลประกอบการที่ผิดหวังใน 2Q65 และการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปใน 3Q65 มากแล้ว ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการสะสมรอบใหม่ จากการฟื้นตัวแบบ V-Shape ใน 4Q65 เป็นต้นไป จากการปรับประมาณการกำไรและปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5.00 บาทต่อหุ้น อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 25.1 เท่า ซึ่งราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER66 เพียง 18.1 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -