บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY

TP upside (downside) +21.8%

Close Oct 21, 2022 Price (THB) 3.78

12M Target (THB) 4.60

Previous Target (THB) 5.50

What’s new?

  • เราคาด 2Q65/66 มีผลขาดทุนปกติที่ 103.4 ลบ. ดีขึ้น QoQ จากทั้งสื่อ OOH ที่เติบโตตามอุตสาหกรรม Robbit card มีจำนวนบัตร และ transaction เพิ่มขึ้น ขณะที่ YoY แย่ลงจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น
  • 2H65/66 คาดกลับมาฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้าน
  • เราคาดกำไรปกติปี 2565/66 ที่ 180 ลบ.พลิกจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุนอยู่ 120 ลบ.

Our view

  • เรามีมุมมุมองเป็นลบในระยะสั้นต่อผลประกอบการ 2Q65-66 ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเข้าลงทุนอีกครั้งหลังจากประกาศงบ
  • เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 5.50 บาท เป็น 4.60 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการคำนวณ โดยอิงวิธี Sum of the parts (SOTP)

VGI คาด 2Q65/66 ขาดทุนลดลง QoQ เพิ่มขึ้น YoY

คาด 2Q65/66 ขาดทุนลดลง QoQ เพิ่มขึ้น YoY

เราคาด 2Q65/66 (สิ้นสุด ก.ย 65) มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติที่ 103 ลบ. ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 1Q65/66 ที่มีผลขาดทุน 139 ลบ. เนื่องจาก 1) เม็ดเงินสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยรวมจากทาง Nielsen ฟื้นตัว 51% YoY ส่วน Media occupancy ของ VGI เพิ่มมาอยู่ราว 40% จาก 38% ใน 1Q65-66 2) Digital Services โดย Rabbit card มีรายได้จากการขายบัตร และจำนวน transaction เพิ่มขึ้น 3) ธุรกิจจัดจําหน่าย Fanslink คาดเติบโตราว 20% QoQ จากช่วง Low season ใน 1Q65/66 และ 4) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม เราคาดรับรู้ขาดทุน 55 ลบ. ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 101 ลบ. เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากทาง JMART เติบโต QoQ และสัดส่วนส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX ที่ลดลง ขณะที่เทียบ YoY ผลขาดทุนปกติจะแย่ลงจาก 2Q64/65 ที่ขาดทุน 73 ลบ. เนื่องจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น YoY

2H65/66 คาดผลประกอบการจะค่อยๆ พลิกฟื้น

เรามองว่าผลประกอบการทั้งปีของ VGI (สิ้นสุด มี.ค. 56) จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรที่ 180 ลบ. จากปีก่อนหน้าที่ขาดทุนอยู่ 120 ลบ. โดยมีปัจจัยบวก ได้แก่ 1) การฟื้นตัวธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน คาดเม็ดเงินโฆษณากลับเข้ามามากขึ้น จากแนวโน้มการฟื้นตัวจาก BTS ridership ล่าสุดเดือน ก.ย. 65 ช่วงวันธรรมดาอยู่ที่ราว 7 แสนคน/วัน เพิ่มขึ้นมาเกือบเทียบเท่ากับช่วงก่อน COVID-19 ซึ่งเป็นบวกโดยตรงต่อรายได้สื่อโฆษณาในระบบขนส่ง และสื่ออาคารสำนักงานที่คนกลับเข้าออฟฟิศ 2) ธุรกิจของบริษัทที่เข้าไปลงทุน Fanslink จะมีการรับรู้รายได้เต็มปี ถึงแม้มาร์จิ้นจะต่ำ แต่คาดยอดขายจะเติบโต และ 3) ธุรกิจ Digital Services ค่าธรรมเนียมและการทำธุรกรรมของบัตร Rabbit ที่เพิ่มขึ้น หนุนจากการเดินทางที่จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจที่ยังต้องจับตา คือ ธุรกิจของบริษัทร่วม KEX ซึ่งยังคงมีการแข่งขันทางด้านราคาอย่างรุนแรง

ปรับลดประมาณการปี 2565/66-2566/67

ด้วยผลประกอบการใน 2Q65/66 ที่คาดยังคงอ่อนแอ ฟื้นตัวช้ากว่าที่เราประเมินไว้ ทำให้เรามีการปรับสมมติฐานให้รัดกุมมากขึ้น โดยเราปรับกำไรปกติปี 2565/66 ลงจากเดิม 55.6% เหลือ 180 ล้านบาท และปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงจากเดิม 27.1% เป็น 24.0% ส่วนปี 2566/67 เราปรับลดประมาณการกำไรลง 16.6% และอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 30.1% เป็น 29.0% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้คงเดิม

รอกลับมาซื้อหลังประกาศงบ

เรามีมุมมองเป็นลบในระยะสั้นต่อผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเข้าลงทุนอีกครั้งหลังจากประกาศงบ 2Q65/66 โดยเราปรับคำแนะนำจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ” ที่ Upside 21.8% คาดหวังผลประกอบการในช่วง 2H65/66 จะพลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทั้งจาก Organic growth และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วม รวมถึงรายได้ที่จะเติบโตตามการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งสายสีเหลืองและชมพู เราปรับลดมูลค่าพื้นฐาน จากเดิมที่ 5.50 บาท เป็น 4.60 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการ โดยอิงวิธี Sum of the parts (SOTP)

- Advertisement -