BCH แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท

คาดกำไรธุรกิจหลัก 653 ล้านบาทใน 3Q22F …

กำไร 3Q จะส่งผลให้กำไรธุรกิจหลักงวด 9M เป็น 3.8 พันล้านบาท ลดลง 12% yoy และคิดเป็น 95% ของประมาณการกำไรปี FY22F ของเรา ทั้งนี้ กำไรใน 3Q จะลดลงถึง 77% yoy และ 43% qoq เพราะรายได้บริการที่เกี่ยวกับโควิดลดลง เนื่องจาก i) จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งประเทศที่ลดลงถึง 88% yoy และ 82% qoq เหลือ 158,394 รายใน 3Q ii) จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล, ผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน และโรงพยาบาลสนามลดลงอย่างมากถึง 91% yoy และ 78% qoq เหลือเพียง 45,377 รายเนื่องจากอาการไม่รุนแรง iii) จำนวนการตรวจโควิดลดลงถึง 87% yoy และ 70% qoq เหลือเพียง 6 แสนราย iv) สปสช. และ ประกันสังคม ทยอยลดอัตราการเบิกจ่ายค่ารักษาลง และยกเลิกการจ่ายค่ารักษาตัวแบบ hospital โรงพยาบาลสนาม และการกักตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว เหลือเพียงโครงการเจอ-จ่าย-จบซึ่งโรงพยาบาลจะได้รับเพียง 1,300 บาท/ราย ซึ่งต่ำกว่าใน 2Q ครึ่งหนึ่ง  เราคาดรายได้รวมจะลดลง 22% qoq เหลือ 4.3 พันล้านบาท โดยคาดรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปเพิ่มขึ้น 10% เป็น 3.3 พันล้านบาท ซึ่งไม่สามารถชดเชยรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมที่ลดลงถึง 60% เหลือ 1 พันล้านบาท (หลักๆ รายได้เกี่ยวกับโควิดลดลง) อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะลดลง 4.9% เหลือ 32% และคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 12.1% จาก 9.5% ใน 2Q

… แต่จะมีผลขาดทุนสุทธิ

เราคาดว่า BCH จะมีผลขาดทุนสุทธิ 557 ล้านบาทใน 3Q22F ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่ขาดทุนสุทธิตั้งแต่ปี 2014 เพราะการตั้งสำรอง 1.2 พันล้านบาทสำหรับวัคซีน Moderna (1.1 ล้านโดสที่ต้นทุน 1,100 บาท/โดส) ซึ่งวัคซีนจะหมดอายุใน 1Q23 อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถขายวัคซีนได้ หรือ ใช้เพื่อกิจกรรม CSR (บริการฉีดวัคซีนฟรี) เราคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถบันทึกรายได้กลับมาไม่เกิน 330 ล้านบาท (ราคาขายในปัจจุบันอยู่ที่ 300 บาท/โดส) ซึ่งจะเกิดขึ้นใน 4Q22-1Q23 เราจะทบทวนประมาณการหลังประชุมนักวิเคราะห์ BCH จะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 9 พฤศจิกายน