เข้าสู่จังหวะพักตัวบ้าง แต่ยังเชื่อว่าจะเดินหน้าต่อได้ Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวกเล็กน้อย 0.6% ตอบรับต่อ GDP สหรัฐฯ ที่สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม NASDAQ ปิดแดนลบหลังจาก META เปิดเผยกำไรที่แย่กว่าตลาดคาดการณ์ รวมถึงขาดทุนจาก Metaverse ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT +1.3% รับแรงหนุนจาก GDP สหรัฐฯ
Market Outlook
แม้สหรัฐฯจะประกาศ GDP ที่สูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐอายุ 2 และ 10 ปียังคงปรับลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงตลาดยังคงอยู่ในภาวะผ่อนคลายกับดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลจาก CME FED Watch เริ่มเห็นท่าทีที่ผ่อนคลายลงชัดเจน โดยล่าสุด ความเห็นในเดือน พ.ย. โอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อยู่ที่ 88.5% ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 97% ขณะที่การประชุมเดือน ธ.ค. น้ำหนักส่วนมากเหลือขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ด้วยโอกาส 59.8% จากเดิมที่ 24% ส่วน ส่วน GDP สหรัฐฯ พบว่าการบริโภคยังขยายตัวได้ 1.4%QoQ แต่การบริโภคสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทนลดลงต่อเนื่องที่ 0.8%QoQ และ 1.4%QoQ ตามลำดับ แต่การบริโภคด้านบริการปรับดีขึ้น 2.8%QoQ ส่วนการลงทุนปรับลดลง 8.5%QoQ และมีเพียงการขยายตัวของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ขยายตัว 10.8%QoQ ด้านการส่งออกขยายตัว 14.4%QoQ แต่นำเข้าหดตัว 6.9%QoQ ข้อมูลทั้งหมดสรุปได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นจากการส่งออก ขณะที่การบริโภคภายในและการลงทุนค่อนข้างอ่อนแอ สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
สำหรับ SET INDEX วันนี้ประเมินเคลื่อนไหวในกรอบ 1593 – 1608 แม้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับฐานลงราว 1.27% (7.16 น.) แต่ก็เชื่อว่ามีแรงหนุนจากเงินบาทที่แข็งค่าจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้ Fund Flow ยังไหลเข้าต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 7 วันทำการย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง พร้อมกับเปิดสถานะ Long ต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนี้ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นก็มองว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ธนาคาร (BBL KBANK SCB TISCO TTB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT SPA) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) นิคม (AMATA WHA) อสังหา (AP LH SPALI) โรงพยาบาล (BCH CHG) น้ำมัน (PTTEP)
Pi Stock Picks
BCH (ถือ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท)
โรงพยาบาลใหม่ 3 แห่งของบริษัท (อรัญประเทศ ปราจีนบุรี และเวียงจันทน์) มี EBITDA เป็นบวก และจะช่วยหนุนการเติบโตหลังช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้ ส่วนการเปิดศูนย์รักษาแผลเบาหวานแห่งใหม่ในวันที่ 21 พ.ค. 2022 ศูนย์การแพทย์พิเศษ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูในช่วงโควิด-19 จะช่วยหนุนส่วนแบ่งในธุรกิจที่ไม่ใช่โควิด-19 ได้อีกแรง
KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท)
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะ 1) มีแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคงจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 2) สำรองที่พอรับมือกับ NPLs ใหม่ 3) upside จากการปรับเพิ่มดอกเบี้ย และ 4) มูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูด