ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งขึ้นต่อ ทิศทางของฟันด์โฟลว์ยังดูดีต่อ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ แกว่งขึ้นต่อ…. หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยผันผวนระหว่างวัน ก่อนปิดบวก 0.23% ตามแรงซื้อที่เข้ามาหนาแน่นในหุ้นใหญ่อย่าง DELTA (+6.45%) และ PTTEP* (+2.56%) ขณะที่ฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นบวกเล็กน้อย กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แรลลี่เมื่อวันศุกร์ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE inflation เดือน ก.ย. ออกมาที่ 5.10% YoY ต่ำกว่าที่ consensus คาดเล็กน้อย ขณะที่ตัวเลขในภาคอสังหาฯ สหรัฐฯ เช่น ยอดขายบ้านที่รอทำสัญญา (pending home sales) ลดลงแรง 10% MoM, 30% YoY (ต่ำกว่าที่ consensus คาดมาก) ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่า ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ii) สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดกำลังจับตาผลการประชุมเฟดที่จะออกมาใน คืนวันที่ 2 พ.ย. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ และ consensus คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 4.00% แต่อาจเริ่มให้แนวทางกับตลาดว่าจะมีการชะลอหรือหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในต้นปี 2566… ด้านปัจจัยภายในประเทศ ในวันนี้ ธปท. จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทย เดือน ก.ย. และของไตร มาส 3/2565 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าเครื่องชี้การบริโภคและการท่องเที่ยวน่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง และหนุนให้ GDP ไตรมาส 3 ของไทยเร่งตัวขึ้นจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร GULF*, AMA, BCP*

  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50 บาท / แนวต้าน 51.5 – 52.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 54 บาท (Stop loss 49 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 จะชะลอตัวลง YoY, QoQ แต่จะฟื้นตัวกลับมาเด่นใน 4Q65 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่า Ft ขณะที่ราคาหุ้นพักฐานก่อนหน้านี้ คาดสะท้อนผลการดำเนินงาน 3Q65 ไปพอสมควรแล้ว 3) PBV ปัจจุบัน 5.75 เท่า คิดเป็นราว +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต  ขณะที่หากกำไรปีหน้าโตตามคาด +53% YoY จะทำให้ PBV ปีหน้าลดลงเหลือ 4.9 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีต
  • AMA (เป้าพื้นฐาน 7.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 5.9 บาท / แนวต้าน 6.4 – 6.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 7.0 บาท (Trailing stop 5.7 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 129 ล้านบาท (+163% YoY, +83% QoQ) และคาดกำไรปีนี้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ +300 ล้านบาท (โต +100% YoY) โดยเป็นผลจากธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์มทางเรือที่ฟื้นตัวขึ้นมาก ทั้งจากด้านอุปสงค์ในภูมิภาค และอุปทานเรือขนส่งน้ำมันปาล์มในภูมิภาคที่ลดลง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปขนส่งน้ำมันดอกทานตะวันไปยุโรปแทน 3) ขณะที่คาดกำไรทจุดสูงสุดใหม่ แต่ Valuation ไม่แพง Forward PE 10 เท่า (ใกล้เคียง -2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ 9.5 เท่า) / PBV 1.22 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) / คาดปันผลปีนี้ 0.35 บาท/หุ้น Dividend Yield 5.9%
  • BCP* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 29.75 บาท / แนวต้าน 31 – 31.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 33 บาท (Stop loss 29 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน BCP จะเป็นหุ้นโรงกลั่นเพียงตัวเดียวที่มีผลการดำเนินงาน 3Q65 เป็นกำไรสุทธิได้ราว +2.6 พันล้านบาท (-51% QoQ, +43% YoY) ขณะที่หุ้นโรงกลั่นอื่นๆ คาดว่าจะมีผลขาดทุนในไตรมาสนี้ และคาดแนวโน้มค่าการกลั่นจะเริ่มฟื้นตัวใน 4Q65 ที่เป็น High season 3) Dividend yield สูง โดยคาดปันผลที่เหลือของผลการดำเนินงานปีนี้ที่ 2.4 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield 8%

หุ้นมีข่าว

(0) คลังไม่ขายหุ้นดีแลกหุ้นเน่า ดึงวายุ-ปันผลเพิ่มทุน THAI สั่งรฟม. แจงผลประมูลสีส้ม ก่อนเข้าครม. เคาะเซ็นสัญญา BEM* (ข่าวหุ้น) “ปลัดคลัง” เมินขายหุ้นรัฐวิสาหกิจในตลาดฯ หาเงินเพิ่มทุนการบินไทย มั่นใจมีแหล่งทุนอื่นอีกมาก ทั้งเงินปันผลและกองทุนวายุภักษ์ มีเงินเกือบ 2 แสนล้านบาท ขณะที่คลังต้องการเงินแค่ 1 หมื่นล้านบาท กรณีต้องเพิ่มทุน อาจให้บริษัทลูกรัฐวิสาหกิจถือแทนลดสัดส่วนของรัฐ ด้านสคร.ยันไม่ขายหุ้นดีไปแลกหุ้นเน่า ส่วนกรณี BTS* ร้องตรวจสอบประมูลสายสีส้ม คลังสั่งให้รฟม. ชี้แจงกลับโดยเร็วที่สุด ก่อนเสนอครม.เห็นชอบเซ็นสัญญา BEM*

(+) HFT ออเดอร์จักรยานอีวีเข้า ลุยพรีเมียมแบรนด์ (ทันหุ้น) HFT ชี้คำสั่งซื้อยางล้อสกู๊ตเตอร์จักรยานไฟฟ้าเข้าเกินคาด ชี้ในไทยคนแห่ใช้สองล้ออีวีแล้ว แนวโน้มเติบโตกระโดด พร้อมประกาศความสำเร็จ ขยายสู่ยางจักรยานพรีเมียมแบรนด์ VITTORIA เดินหน้าขยายต่อ รุกตลาดมาเลเซีย ศึกษาปากีสถาน พร้อมหาพันธมิตรรุกธุรกิจต่อเนื่อง

(+) LEO แกร่งขนส่งรถไฟ ผนึกพาร์ตเนอร์อัพฐาน (ทันหุ้น) LEO ตั้งเป้าปี 2566 กำไรขั้นต้นเติบโตราว 10-15% จากเดิมเฉลี่ยราว 900 ล้านบาท รับฐานธุรกิจรถไฟหมุน ล่าสุดเซ็นสัญญาร่วม China Post Yunnan พร้อมจับมือ “เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท – ศรีตรังโลจิสติกส์” เสริมความแข็งแกร่งขนส่งสินค้าทางรถไฟ จีน-ลาว-ไทย หนุนธุรกิจระยะยาว ดีลครั้งนี้หนุนรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อปี

(+) PSG สิทธิขาดผู้เดียว รวบไฟขายสิงคโปร์ (ข่าวหุ้น) PSG รับสิทธิขาดเพียงรายเดียว รวมห่อไฟฟ้าสะอาดสปป.ลาวส่งสิงคโปร์ หลังเซ็นเอ็มโอยู “เคปเพล เอนเนอร์จี้” ขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา วงในระบุเส้นทางสายส่ง 2 ทางเลือก ผ่านมาเลเซียหรือไทย จับตาลุยโรงไฟฟ้าน้ำตกแบบสูบ หมุนเวียน 214 แห่ง

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • NEX (เป้า Consensus 23.5 บาท) แนวรับ 19.5 บาท / แนวต้าน 20.0-20.2 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 19.0 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 59.5 บาท / แนวต้าน 61 – 62 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 58.25 บาท)
  • M (เป้าพื้นฐาน 67.5 บาท) แนวรับ 58 บาท / แนวต้าน 60-62 บาท (Trailing stop 57 บาท)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 152 บาท) แนวรับ 104.5 บาท / แนวต้าน 108-113 บาท (Stop loss 103.5 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 165 บาท) แนวรับ 143 บาท / แนวต้าน 145-149 บาท (Trailing stop 140 บาท)
  • ERW (เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท) แนวรับ 4.44 บาท / แนวต้าน 4.6-4.66 บาท (Trailing stop 4.38 บาท)
  • SCGP* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) แนวรับ 52 บาท / แนวต้าน 53.5-55 บาท (Stop loss 51.5 บาท)
  • TLI (เป้าพื้นฐาน 19.1 บาท) แนวรับ 15.3 บาท / แนวต้าน 15.8-16.1 บาท (Stop loss 15.0 บาท)
  • ILM (เป้า Consensus 22.4 บาท) แนวรับ 17.3 บาท / แนวต้าน 18.0-18.5 บาท (Stop loss 17.0 บาท)
  • TU* (เป้า Consensus 22.3 บาท) แนวรับ 18.3 บาท / แนวต้าน 18.9-19.4 บาท (Stop loss 18.1 บาท)
  • PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท) แนวรับ 6.9 บาท / แนวต้าน 7.2-7.3 บาท (Stop loss 6.9 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • GULF แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 58 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q65 = 1 พันล้านบาท (-35% QoQ, -37% YoY) และคาดกำไรปกติอยู่ที่ 2 พันล้านบาท (-35% QoQ, -13% YoY) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง สะท้อนปัจจัยลบเรื่องต้นทุน และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด แต่คาดว่า 3Q65 เป็นจุดต่ำสุด และกำไรฟื้นตัวใน 4Q65 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการขึ้นค่า Ft
  • BGRIM* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 38 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุน -500 ล้านบาท (ขาดทุนมากขึ้น QoQ) ใน 3Q65 และคาดจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 18 ล้านบาท (-88% QoQ, -97% YoY) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯลงสะท้อนปัจจัยลบเรื่องต้นทุน และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงกว่าคาด และคาดผลการดำเนินงาน 4Q65 จะยังอ่อนแอต่อเนื่อง แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินผลการดำเนินงานปีหน้าจะกลับมาโตเด่น
  • BPP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q65 = 1.2 พันล้านบาท (+48% QoQ, +202% YoY) และคาดกำไรปกติอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (+288% QoQ, +345% YoY) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง สะท้อนต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด คาดผลการดำเนินงาน 4Q65 จะลดลง QoQ เพราะเป็น Low season และมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสา
  • BEC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 3Q65 = 134 ล้านบาท (-6% YoY, -23% QoQ) โดยกำไรที่คาดจะลดลงเป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดจะลดลง เนื่องจากคาดถูกกดดันจากรายได้ค่าโฆษณาและค่าลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง สะท้อนสมมติฐานใหม่ แต่ยังคงคาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นใน 4Q65 ยังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 12.3 บาท (เดิม 15.3 บาท)

 

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -