บล.บัวหลวง: 

ICT – กสทช. ไฟเขียวดีลควบรวม TRUE-DTAC (NEUTRAL)

เราคาดว่าการรับทราบของกสทช. สําหรับดีลควบรวมบริษัท TRUE-DTAC พร้อมการออกเงื่อนไขพิเศษจะส่งผลให้ขั้นตอนและขบวนการควบรวมบริษัทเดินหน้าต่อทันที และจะนำไปสู่การจัดตั้งบริษัทใหม่ (MergeCo) ในช่วงไตรมาส 1/66 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของธุรกิจโทรคมนาคมในระยะยาว เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่จะลดลง

กสทช. ไฟเขียวควบรวม TRUE-DTAC ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่เราคาดก่อนหน้า

มติกสทช. สําหรับการรับทราบการควบรวมบริษัท TRUE-DTAC พร้อมการออกเงื่อนไขพิเศษถือว่าเป็นไปตามคาด  เนื่องจากการควบรวมบริษัท “TRUE-DTAC” ไม่เข้าคําจํากัดความของการรวมกิจการของ “ธุรกิจประเภทเดียวกัน” ตามมาตรา 8 ของประกาศกสทช. เรื่องมาตรการป้องกันไม่ให้มีการกระทําอันเป็นการผูกขาดในปี 2549 และการนำมาตรา 12 ของประกาศ กสทช. ปี 2561 มาใช้ ซึ่งได้กำหนดให้การรวมธุรกิจสามารถทำได้เพียงแค่รายงานให้กสทช. รับทราบเท่านั้น และกสทช. สามารถออกเงื่อนไขพิเศษที่เห็นสมควร โดยภาพรวมแล้ว เรามองไม่เห็นความยุ่งยากหรือปัญหาใดๆ สําหรับ TUC DTN และบริษัทใหม่ที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขพิเศษทั้ง 5 ข้อที่แนบมาของกสทช. และคาดว่าผลกระทบเชิงลบจากเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อนั้นถือว่าไม่มีนัยสําคัญแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราคิดว่ามาตรการลดเพดานราคาของอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ซึ่งไม่ใช่อัตราค่าบริการจริง) 12% ภายใน 90 วันไม่น่าที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จริง ณ ปัจจุบันแต่อย่างใด เพราะอัตราค่าบริการเสียงและบริการข้อมูลจริง ณ ปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าเพดานราคาอย่างมากอยู่แล้ว

การจัดตั้งบริษัทใหม่ (MergeCo) คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/23

หลังจากที่กสทช. ไฟเขียวดีลควบรวมบริษัท TRUE-DTAC เราคาดว่าขั้นตอนการดำเนินการต่อไป ได้แก่ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (VTO) การซื้อหุ้น TRUE และ DTAC คืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านในช่วงก่อนหน้า การจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วม การจดทะเบียนและการจัดตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณสามเดือนตั้งแต่ขั้นตอนการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ จนถึงขั้นตอนการนำเอาบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/66 ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นจากคดีฟ้องร้องในชั้นศาล  แต่เราให้น้ำหนักเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น สําหรับข้อกังวลว่าคดีเหล่านี้ในชั้นศาลจะส่งผลให้ดีลควบรวมกิจการของ TRUE-DTAC ชะงักหรือไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

การลดการแข่งขันและการลดจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะนำไปสู่รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่จะปรับเพิ่มขึ้นในระยะยาว

เราคาดว่าการแข่งขันด้านราคาของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยภาพรวมมีแนวโน้มที่จะลดลงในปีที่สามหลังจากการควบรวมบริษัท TRUE-DTAC (หรือตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป) ซึ่งจะส่งผลบวกในระยะยาวต่อผู้ประกอบทั้งสองราย ได้แก่ บริษัทใหม่ และ ADVANC เนื่องจากอัตราค่าบริการที่คาดว่าจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นในระยะยาว (อย่างน้อยก็ควรจะกลับไปสู่ระดับปกติ ซึ่งไม่มีโปรโมชั่น “ไม่จำกัดอัตราการใช้งานที่ความเร็วคงที่” โดยโปรโมชั่นนี้ยังคงมี อยู่ ณ ปัจจุบัน) บวกกับรายได้บริการที่คาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้น เราใช้สมมติฐานว่าการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงรุนแรงอยู่ในช่วงปี 2566-67 เนื่องจาก ADVANC จะยังคงพยายามที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของจำนวนผู้ใช้บริการเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาด เราคำนวณผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) ภายใต้สมมติฐานในกรณีปกติโดยวิธี DCF ได้เท่ากับ 3.24 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลา 15 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมาจากการลดงบลงทุน และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลงจากเดิม มูลค่าผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) ภายใต้สมมติฐานในกรณีปกติของเรา สำหรับ MergeCo, TRUE และ DTAC อยู่ที่ 0.94 บาท/หุ้น, 0.97 บาท/หุ้น และ 13.7 บาท/หุ้น ตามลำดับ และราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 สำหรับ MergeCo, TRUE และ DTAC (ซึ่งรวม synergy ภายใต้สมมติฐานในกรณีปกติ) อยู่ที่ 10.03 บาท/หุ้น, 6.40 บาท/หุ้น และ 61.50 บาท/หุ้น ตามลำดับ และภายใต้สมมติฐานในกรณีที่ดีที่สุดของเรา เราประเมินมูลค่าผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) โดยวิธี DCF ได้เท่ากับ 1.33 แสนล้านบาท

- Advertisement -