บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Thai Oil (TOP.BK/TOP TB)*

ประมาณการ 3Q65F: คาดว่าจะขาดทุนสุทธิเพียงเล็กน้อย

Event

ประมาณการ 3Q65F

Impact

คาดว่าจะขาดทุนสุทธิเล็กน้อยใน 3Q65F

เราคาดว่า TOP จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาทใน 3Q65F ลดลงจากที่มีกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาทใน 3Q64 และ 2.53 หมื่นล้านบาทใน 2Q65 โดยผลประกอบการที่แย่ลงทั้ง YoY และ QoQ เป็นเพราะมีผลขาดทุนก้อนใหญ่จากสต็อกน้ำมัน 9.9 พันล้านบาทใน 3Q65F ลดลงจากที่มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน 3.6 พันล้านบาทใน 3Q64 และ 7.8 พันล้านบาทใน 2Q65 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงถึง US$22/bbl จากเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เรายังคาดว่า market GRM ของ TOP จะลดลง 73% QoQ เหลือ US$6.9/bbl เนื่องจาก spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลลดลง ในขณะที่คาดว่าอัตราการกลั่นจะลดลง 6% QoQ เหลือ 290KBD ใน 3Q65F เพื่อสะท้อนถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เหมาะสม ท่ามกลางสภาวะที่ค่าการกลั่นลดลงและ spread ของอะโรเมติกส์อยู่ในระดับต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นจะฟื้นตัวขึ้น QoQ เนื่องจาก spread ของ PX-over-ULG95 ฟื้นตัวขึ้น 246% QoQ เป็น US$152/ton และ spread ของ BZ-over-ULG95 ดีดตัวขึ้น 83% QoQ เป็น US$42/ton เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ในขณะที่ spread ของน้ำมันหล่อลื่น 500SN เพิ่มขึ้น 31% QoQ เป็น US$798/ton เนื่องจากมีกำลังการผลิตน้ำมันหล่อลื่นใหม่เพิ่มเข้ามาน้อยลงใน 2H65 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 5.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ จากที่ต้องบันทึกผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 1.26 หมื่นล้านบาทใน 2Q65

ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหลังเพิ่มทุนจบ

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว TOP ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 200 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 10 พฤศจิกายน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.7% จากราคาหุ้นล่าสุด ในขณะเดียวกันบริษัทเพิ่งเพิ่มทุนเสร็จ โดยการออกจำหน่ายหุ้นใหม่ 192 ล้านหุ้น ที่ราคา 53.50 บาท/หุ้น ในเดือนกันยายน ซึ่งน้อยกว่าเพดานที่ผู้ถือหุ้น TOP อนุมัติเอาไว้ที่ 239 ล้านหุ้นเพื่อขายผ่าน public offering ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 ดังนั้นจำนวนหุ้นของ TOP ในปัจจุบันจึงเพิ่มขึ้น 9% เป็น 2,232 ล้านหุ้น

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ TOP และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 75.00 บาท อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่ 7.0x ถึงแม้ว่าผลประกอบการใน 3Q65 จะแย่ลง QoQ อย่างมีนัยสำคัญ แต่เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลที่สูงตามฤดูกาลในช่วงฤดูหนาวใน 4Q65-1Q66 และการเพิ่มทุนแล้วเสร็จไปแล้วในเดือนกันยายน

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงการเลื่อนกำหนด COD ของโครงการ CFP จาก 3Q66 เป็นปี 2567

 

- Advertisement -