KS Daily View 04.11.2022 > คาด SET Outperform เมื่อเทียบประเทศอื่นๆ ติดตามเงินเฟ้อไทย/ตัวเลขแรงงานสหรัฐคืนนี้ กรอบ SET 1615-1630 จุด แนะนำเน้นหุ้น Defensive คือ GPSC
ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อวาน :
ต่างประเทศ ดัชนี Dow Jones -0.46%, NASDAQ -1.7% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มที่ปรับลงหลักๆ คือ กลุ่ม IT -3%, กลุ่ม Communication Services -2.8% กลุ่ม Financials -1.1% ส่วนกล่มที่ปรับขึ้นคือ Energy+2.04%,Industrials +1.04% ฯลฯ
ในประเทศ : SET Index เมื่อวานปิด 1625.62 จุด (+0.04%DoD) หุ้นที่ปรับขึ้นนำโดย LPN+9.5%, DELTA +3.68%, TLI +1.88% หุ้นที่ปรับลงหลักๆ คือ KAMART -4.7%, GPSC-1.9%, GULF -1.45%ฯลฯ ส่วนประเด็นอื่นๆ คือ บริษัทจดทะเบียนที่ประกาศงบงวด 3Q22 เมื่อวานมี 2 บริษัทซึ่งกำไรรายงานออกมา ดีกว่าคาด คือ
1.) LPN กำไร 3Q22 ที่ 236 ลบ.เพิ่มขึ้น 791% YoY และ 60%QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดที่ 75 ลบ.ราว 215% เนื่องจากกำไรพิเศษจากการขายอาคารสำนักงานบนถนนวิภาวดีที่สร้างรายได้ในงวด 3Q22 ที่ 2,589 ลบ. (จากรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดที่ 3,725 ลบ.) เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายกลางปี 2566 ที่ 3.85 บาท ทิศทางผลประกอบการในปัจจุบันยังไม่เเสดงถึงการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
2.) ADVANC อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท -8%YOYและ -6% QoQ ดีกว่าที่เราคาด แต่เราประเมินไตรมาส 4 คาดอ่อนตัว แม้จะเป็น High ของรายได้ แต่กำไรคาดจะชะลอตัว คำแนะนำลงทุน คือรอจนกว่าดีลจะจบหากราคาอ่อนตัว แนะนำลงทุน ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 249.45 บาท โดยกลุ่ม ICT เรายังชอบ DTAC มากกว่า
ประเด็นที่ต้องติดตาม :
ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565 KS ประเมินมี 4 เรื่องสำคัญ คือ
1.) การดำเนินนโยบายของ Fed หลังจากนี้ เชื่อว่า Fed จะรอ Data เพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินสหรัฐคาดจะช้ากว่าธนาคารกลางประเทศอื่น
2.) Geopolitic risk อาทิ สงครามรัสเซีย – ยูเครน คาดสถานการณ์ยังยืดเยื้อ และอยู่ในช่วงต่อรองสะท้อนจากการสลับปรับเปลี่ยนการส่งออกธัญพืช จากท่าเรือของยูเครนมุ่งสู่ตลาดโลก รวมถึงฝั่งเอเซีย ล่าสุด กลางสัปดาห์ทีผ่านมา เกาหลีเหนือยังทดสอบขีปนาวุธ คาดยังเป็นปัจจัย Overhang ต่อตลาด หากไม่มีสถานกาณณ์เลวร้ายคาดจะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะ ส่วนผลต่อหุ้นประเมินยังหนุนให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาฝั่งอาเซียน รวมถึงไทย มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
3.) การเปิดเมืองจีน คาดว่าจะเห็นการผ่อนคลายในปี 2566 แต่หากผ่อนคลายเร็วขึ้นประเมินหุ้นที่อิงกับจีนจะได้ Sentiment บวก อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว(AOT, AAV, CENTEL, ERW SPA กลุ่มโรงพยาบาล EKH กลุ่มอสังหาฯ (SIRI, ANAN) กลุ่มอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ (SCGP, JWD ,PSL) กลุ่มนิคม(WHA, AMATA) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม(TKN, SNNP) และกลุ่มเครื่องสำอาง (DDD, BEAUTY) กลุ่มพลังงาน อาทิ PTTEP ฯลฯ
4.) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยก่อนการเลือกตั้ง คาดจะเห็นการผลักดันออกมาในช่วงปลายปี และช่วงต้นปี คาดหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ CPN, KTC กลุ่มสื่อ อาทิ PLANB, CK
ปัจจัยระยะสั้นที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้าระหว่าง 7-11 พ.ย. หลักๆ คือ
1.) 8 พ.ย. การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ(Midterm Election) จาก poll สำรวจคาดพรรค Republican มีโอกาสชนะในฝั่งสภาล่าง ได้ประเมินจะทำให้การผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลังเศรษฐกิจสหรัฐมีอุปสรรคมากขึ้น มีโอกาสทำให้ Dollar อ่อนค่าและหนุนเงินบาทแข็งค่า บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นไทย
2.) 10 พ.ย. US Inflation เดือน ต.ค. ตลาดคาด 8.1%YoY ชะลอจากเดือน ก.ย. ที่ 8.2%YoY เป็นตัวเลขสำคัญที่ Fed ให้น้ำหนักและใช้ประกอบในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ และที่สำคัฐคือ ตลาดให้น้ำหนักมากที่ Core CPI ต.ค. ตลาดคาดชะลอลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 6.5%YoY หากอ่อนตัวลงหรือลดลงมากกว่าคาด จะบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
3.) ในประเทศ คือ 7-11 พ.ย. การประกาศงบงวด 3Q22 ฝั่ง Real sector ในไทย หลายบริษัท KS ให้น้ำหนักไปที่บริษัทที่กำไรจะออกแข็งแกร่ง +YoY, +QoQ อาทิ 8 พ.ย. QH, SNNP 9 พ.ย. BCP ,GFPT, HENG, SC, SHR 10 พ.ย. BBIK, BE8, CPN , D, JMT, 11 พ.ย. AMANAH, ANAN, ASK , BEM, EKH
กลยุทธ์การลงทุน เราประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว Sideway ลงในกรอบ 1585-1630 โดยเรายังคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าการพักฐานตลาดหุ้นเป็นจังหวะทยอยสะสม และไม่แนะนำ Cut loss และเชื่อว่าจะไม่ทำ New low แต่ Upside ในการปรับขึ้นคาดจำกัดประเมินแนวต้านภายในปีนี้ 1650 จุด
กลยุทธช่วงนี้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักๆ คือกลุ่ม Defensive อาทิ BEM กล่มโรงไฟฟ้า EGCO, BGRIM GPSC กลุ่มที่เราแนะนำก่อนหน้ายังแนะนำถือต่อไม่เปลี่ยน อาทิ กลุ่ม Domestic play อาทิ AMANAH, PLANB, CK กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากธีมจีนเปิดประเทศ อาทิ EKH, SIRI, ANAN, SCGP, AMATA, SNNP
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1615 -1630 จุด หุ้นแนะนำ GPSC
Top pick :
GPSC (ราคาทางพื้นฐาน 83.5 บาท) Catalyst หนุนราคาหุ้นมี คือ
1.) ทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงต่อ โดยราคาก๊าซ LNG นำเข้าลดลงมากกว่า 61% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือน ส.ค.65 มาอยู่ที่ 27.8 USD/MMBtu
2.) ต้นปี 2566 เราคาดว่า Ft จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจาก rate ปัจจุบัน ยังไม่สะท้อนราคา Gas ซึ่งจะทำให้ BGRIM กำไรฟื้นตัวเร็วขึ้น
3.) GPSC เป็นหุ้น Defensive คาดจะ Outperform ในช่วงตลาดผันผวน
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันศุกร์ ติดตามตัวเลข CPI และ Core CPI ของไทยเดือน ต.ค. คาด +6% YoY และ +3.1% YoY ตามลำดับ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด +200K(-24% MoM) ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด 3.6% (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 3.5%)