บล.บัวหลวง:

Global Green Chemicals (GGC TB/GGC.BK)

GGC – กำไรไตรมาส 3/65 มากกว่าคาด; แนวโน้มกำไรเติบโต YoY ต่อเนื่อง

สูงกว่าคาด

GGC รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 70 ล้านบาท ลดลง 71% YoY และ 83% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษซึ่งประกอบด้วยขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 441 ล้านบาท, ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 95 ล้านบาท, กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 78 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 528 ล้านบาท เติบโต 368% YoY แต่ลดลง 10% QoQ ซึ่งกําไรหลักสูงกว่าที่เราคาด 12% และกำไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด 28% (สูงกว่าที่ตลาดคาด 37%) เนื่องจากกำไรจากธุรกิจ FA มากกว่าคาด

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่หนุนให้กำไรหลักเติบโต YoY ได้แก่ กำไรจากธุรกิจ Fatty Alcohols (FA) ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยหลักที่กดดันกำาไรหลักให้ปรับตัวลดลง QoQ ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจเมทิลเอสเตอร์ (ME; B100) ที่ลดลง, 2) ค่าใช้จ่ายในการและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 4.2% จาก 2.9% ในไตรมาส 2/65, 3) ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม (เทียบกับส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 2/65), และ 4) อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น

EBITDA margin สําหรับธุรกิจ ME อยู่ที่ 0.4% ลดลงจาก 3.5% ในไตรมาส 3/64 และ 4.4% ในไตรมาส 2/65 (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ME ที่ลดลง) ในขณะที่ปริมาณขาย B100 อยู่ที่ 73,785 ตัน ลดลง 2% YoY (เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับสัดส่วนการผสม B100 ในผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล) แต่เพิ่มขึ้น 6% QoQ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ FA อยู่ที่ 641 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 103% YoY (ราคาผลิตภัณฑ์แข็งแกร่ง ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ CPKO ปรับตัวลดลงอย่างมาก) และ 11% QoQ (ต้นทุนวัตถุดิบ CPKO ที่ปรับตัวลดลงมีนํ้าหนักมากกว่าราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง) โดยปริมาณขายของธุรกิจ FA อยู่ที่ 27,714 ต้น เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 12% QoQ (อุปสงค์ฟื้นตัวและไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน)

แนวโน้ม

กําไรหลักของ GGC ในไตรมาส 4/55 มีแนวโน้มที่จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง หนุนโดยกำาไรจากธุรกิจ FA ที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรหลักมีแนวโน้มจะลดลง QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและราคากลีเซอรีน (ผลิตภัณฑ์พลอยได้) ที่ลดลง กําไรจากธุรกิจ ME มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลง YoY เนื่องจากอัตรากําไรที่ลดลง (การแข่งขันที่สูง) แต่ทรงตัว QoQ (ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น [เนื่องจากช่วงไฮซีซั่นและมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลในเรื่องสัดส่วนการผสม B100 ในผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล จาก B5 ในไตรมาส 3/65 ไปเป็น B7 ณ ปัจจุบัน] จะชดเชยอัตรากําไรที่ลดลง) ในขณะที่เราคาดว่ากําไรของธุรกิจ FA มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY (ทรง ตัว QoQ) หนุนโดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรที่ขยายตัว

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กําไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของเราที่ 1,368 ล้านบาท โดยเรายังคงไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

คาดการณ์กำไรหลักเติบโต YoY ต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/65 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

- Advertisement -