รอบด้านตลาดหุ้น: วันนี้คาดดัชนี รีบาวด์
Market wrap & Outlook
- ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเด้งแรงตามตลาดโลก นำโดยหุ้นใหญ่ เช่น GULF DELTA AOT PTT MAKRO MINT ADVANC หุ้นบวกแรง ได้แก่ RCL TFG TIDLOR BGRIM SPA DITTO ส่วนหุ้นลบกดดันตลาด ได้แก่ TLI BLA FORTH PTTEP CHG RATCH
- วันนี้คาดดัชนี รีบาวด์ และการเข้าใกล้โซน 1,647 จุด คาดว่าจะเห็นภาวะการพักฐานจาก Sell on fact หลังงบออกครบในสัปดาห์นี้ โดยคาดการย่อลงมาของดัชนีฯเพื่อสร้างฐานใหม่ ในช่วงหลังงบออก เรามองว่าเป็นปกติเหมือนทุกรอบ ที่นักลงทุน, ผจก.กองทุน จะใช้เวลาช่วงนี้ในการตัดสินใจ จัดการกับหุ้นที่มีในพอร์ต หลังเห็นแนวโน้มผลการดำเนินงาน, การรออัพเดทข้อมูลจากผู้บริหาร บจ. ต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานต่อเนื่องใน 4Q22
- และตัวแปรสำคัญหลังจากงบออกและคาดจะมีอิทธิพลต่อการปรับขึ้นต่อของดัชนีและราคาหุ้น คือ บทสรุปจากการประชุมนักวิเคราะห์ว่าหลังจากประชุมแล้ว จะมีการ Upgrade หรือ Downgrade…ดังนั้นกลยุทธ์ แนะนำเลือกซื้อหุ้น 1. ประกาศงบจบไปแล้ว และ เห็นบทสรุป Management guidance ที่ดีขึ้น เช่น SCGP 2. หุ้นเทค, Growth stock รับบอนด์ยีลด์สหรัฐ peakout เป็นต้น
What to watch
- สรุปผลการดำเนินงาน บจ.ที่มีรายงานถึงเช้าวันนี้ พบว่ามีจำนวน บจ.ที่อยู่ภายใต้การศึกษาของ BLS Research แจ้งงบไปแล้วจำนวน 95 บจ. คิดเป็น 77% ของจำนวนที่เราศึกษาทั้งหมด พบ 31 บจ.รายงานกำไร ดีกว่าคาด (คิดเป็น 33%) และ กำไรแย่กว่าคาด 32 บจ. (คิดเป็น 34%) ที่เหลือ 34% ตามคาด
- การประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ คาดขยับดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ (การขยับดอกเบี้ยของธนาคารกลางฝั่งเอเชียจะเริ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ EU US จะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย (คาด Fund flows ที่เคยไหลออก จะเริ่มกลับมาฝั่งเอเชีย)
- MSCI ประกาศทบทวนหุ้นคำนวณดัชนีฯ และน้ำหนักรอบใหม่ ถอด BAM ออกจาก Standard index ยังไม่เพิ่ม TLI ส่วน Small cap เพิ่ม BAM ERW JWD NEX RAM ถอด SYNEX PSG รอดู FTSE ประกาศทบทวน 18 พย.นี้
- คาดตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากกรณีการล่มสลายของ FTX (ตอนคริปโต LUNA ล่มสลายก็เห็นชัดว่าผลกระทบอยู่ในวงจำกัดสำหรับ บจ.ไทย)
- กรณีหุ้น MORE จะไม่กระทบภาวะการลงทุนวันนี้ (เพราะ Margin loan ที่ปล่อย MORE เป็นหลักประกันถือว่าน้อยมาก ดังนั้นจะไม่กระทบลามไปถึงการล้างมาร์จิ้นของหุ้นในพอร์ตนักลงทุนทั่วไป)
- FTSE ประกาศทบทวนดัชนีฯ 18 พย.นี้
หุ้นแนะนำวันนี้
- SCGP ไม่ต้องลุ้น งบ และ นลท.เห็น Management guidance เชิงบวกไปแล้ว
- NEX IIG หุ้นเติบโตสูงคาดจะกลับมา Outperform ตลาดอีกครั้ง
Tactical port: เพิ่ม IIG BRR SCGP ถอด TLI WHAUP
Tactical Portfolio – Add IIG BRR SCGP, Delete WHAUP TLI
วันนี้ เราเพิ่ม IIG BRR SCGP ถอด WHAUP TLI ในพอร์ตของคุณวิกิจ โดยปัจจุบันมีหุ้นในพอร์ตทั้งหมด 8 ตัว น้ำหนักการลงทุน 75% สรุปผลตอบแทนพอร์ต YTD พอร์ตเรา –9.41% (รวมเงินปันผลอยู่ที่ -7.68%) เทียบกับตลาดที่ผลตอบแทน -1.23%
Tactical Strategy – Weekly warm up: Consolidated ระยะสั้น
สำหรับกรอบดัชนีฯในช่วงสัปดาห์นี้ เราคาด Consolidated สร้างฐาน อยู่ในกรอบ 1,610-1,647 จุด ในระหว่างนี้คาด ภาวะตลาดจะเกิดการพักฐาน เป็นช่วงสูญญากาศระยะสั้น และกลยุทธ์ เน้นเล่นรอบหุ้นรายตัว กลาง-เล็ก ตลอดจน ถือหรือสะสมหุ้นที่ประกาศงบไปแล้ว และ ปัจจัยพืนฐานดีไม่ได้เปลี่ยน
หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ SCGP MINT NEX สัปดาห์ที่แล้วผลตอบแทน TOP +0.86% IVL +1.46% WHA +0.25%
Technical Daily (T)
รีวิวพอร์ต….ถูกทางซื้อเพิ่มไม้ 2
แนะนำ ซื้อ
BCH แนวรับ 19.3-19.5 แนวต้าน 21.0 และ 22.0 (Stop loss < 19.0)
GULF แนวรับ 51-52 แนวต้าน 56 และ 58 (Stop loss < 49)
SCGP แนวรับ 55-56 แนวต้าน 64-65(Stop loss < 53)
Global Investing Brief : หุ้นฮ่องกงบวกแรง รับข่าวจีนผ่อนมาตรการคุมโควิด ลดวันกักตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- เมื่อคืนวันศุกร์ 3 ดัชนีหลักปิดบวก ต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี โดยดัชนี DJIA +0.1%, S&P 500 +0.9% และ Nasdaq +1.8% นำโดย Microsoft (MSFT) +1.7%, Amazon (AMZN) +4.3% ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสี จิ้นผิง จะมีการประชุมทวิภาคีที่ประเทศอินโดนีเซียในวันนี้ ก่อนการประชุมกลุ่ม G20 ซึ่งถือเป็นการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกของสองผู้นำ โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในการทำงานร่วมกันเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น ซึ่งหากการประชุมเป็นไปในทิศทางที่ดี เรามองว่าอาจเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น
- Disney (DIS) วางแผนที่จะระงับการจ้างงานและปรับลดตำแหน่งงานลงบางส่วน รวมทั้งมีแผนลดงบประมาณด้านการตลาดและคอนเทนต์บริการสตรีมมิ่ง Disney+ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าธุรกิจสตรีมมิ่งจะเริ่มทำกำไรภายในปี 67 ซึ่งเรามองว่าแผนการลดงบประมาณดังกล่าวอาจกระทบต่อยอดสมาชิก Disney+ ใน F1Q66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) ด้านคาดการณ์ Bloomberg Cons. ให้ TP ที่ $133.58
ตลาดหุ้นฮ่องกง
- วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งทะยาน ปิดบวก 7.7% เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดย Ping An (2318) +13.5% และ Tencent (0700) +11.7% หลังทางการจีนลดเวลากักตัวแก่ผู้มาเดินทางมาจีนจาก 10 เหลือ 8 วัน (5 วันกักตัวในโรงแรม และ 3 วันสังเกตอาการ) นอกจากนี้ยังยกเลิกมาตรการ “Circuit Breaker” ซึ่งเป็นมาตรการระงับการดำเนินงานของสายการบินสัญชาติจีนเป็นเวลา 1 และ 2 สัปดาห์ หากเที่ยวบินที่เดินทางมาจีนมีผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 4% และ 8% ของผู้โดยสารทั้งหมด เรามองว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวอาจนำไปสู่การเปิดเส้นทางการบินอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการเปิดเมืองและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
- Alibaba (9988)ไม่เปิดเผยยอดขายในงาน “2022 double 11 shopping festival” เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในปี 65 เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่เริ่มจัดเทศกาลนี้ในปี 52 โดยบริษัทเผยว่ายอดขายใกล้เคียงกับปี 64 ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่ายอดขายในปีนี้อาจลดลงเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการล็อกดาวน์ตามนโยบาย Zero-COVID อย่างไรก็ดี คาดการณ์ Bloomberg Cons. เผยว่ารายได้รวม Alibaba ใน F3Q66 (ต.ค.-ธ.ค. 65) ยังโตที่ 7%YoY พร้อมให้ TP ที่ HKD135.65
ตลาดหุ้นเวียดนาม
- วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี VN ปิดบวก 0.8 % ฟื้นตัวจากช่วงต้นสัปดาห์ และไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และฮ่องกง นำโดย BID +3.7%, VIC +2.5%, VHM +0.5% ด้านสภาแห่งชาติเวียดนามเผยแผนตัวเลขทางเศรษฐกิจของปี 66 โดย GDP อยู่ที่ 6.5% GDP ต่อหัวอยู่ที่ราว $4,400 และ CPI หรือดัชนีเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.5% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขที่ทางการปรับขึ้นระดับเป้าหมายในปี 66 จากระดับ 4% ในปี 65
- DGW เผยคาดการณ์งบใน 4Q65 รายได้รวมอยู่ที่ VND7.5tn เพิ่มขึ้น 24%QoQ แต่หดตัว 5%YoY เนื่องจากฐานสูงในช่วง 4Q64 ขณะที่กำไรอยู่ที่ VND300bn เพิ่มขึ้น 66%QoQ แต่ลดลง 8%YoY ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของโบรกเวียดนาม ซึ่งบริษัทคาดว่าสินค้าที่ขายดีในช่วงปลายปีนี้คือ iPhone 14 และ Xiaomi TV โดยได้แรงหนุนจากเทศกาลในช่วงสิ้นปีที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ด้านโบรกเวียดนามให้ TP ที่ VND77,566
Highlight
Reuters รายงานว่า Berkshire Hathaway (BRK) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ขายหุ้นของ BYD (1211) ออกไปเพิ่มอีก $145mn ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน BYD ของ Berkshire Hathaway ลดลงจาก 17.1% เหลือ 16.6% อย่างไรก็ดี Bloomberg มองว่าเป็นการขายทำกำไรเท่านั้น และอาจมีการทยอยขายหุ้น BYD ออกมาอีกในอนาคต