ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เทรดไซด์เวย์ ปัจจัยต่างประเทศพลิกเป็นลบเล็กน้อย

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร เทรดไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาด เนื่องจากจิตวิทยาของตลาดถูกกระทบจากประเด็นหุ้น MORE ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโบรกเกอร์ในระยะสั้น ขณะที่ทั้งนักลงทุนต่างชาติและสถาบันฯ พลิกมาขายสุทธิ… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง/ลบเล็กน้อย กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลง หลังจากเจ้าหน้าที่ของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) 2 ท่านที่ออกมาแถลงส่งสัญญาณไม่เหมือนกัน โดยรองประธานเฟด Lael Brainard ชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ แต่คณะผู้ว่าการเฟด Chris Waller ออกมาแถลงว่าเฟดยังต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไป และเขายังไม่ให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อที่ชะลอเพียงเดือนเดียว ii) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4.16% หลังจากทางการจีนรายงานตัวเลขติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวขึ้นอีก เพิ่มความกังวลต่อการกลับมาล็อกดาวน์เมืองใหญ่ๆ ขณะที่ทางผู้บริหาร IMF แสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2566 และน่าจะต้องมีการปรับลดประมาณการ GDP โลกเพิ่มเติมในระยะถัดไป…. ด้านปัจจัยภายในประเทศ ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องทั้งเมื่อวานนี้และเช้าวันนี้ น่าจะสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ GDP ของไทยที่น่าจะเร่งตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้สภาพัฒน์ฯ จะรายงาน GDP ไตรมาส 3/2565 ในวันที่ 21 พ.ย.

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร BEM*, CPALL*, MAJOR*

  • BEM* (เป้า Consensus 10.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.45 บาท / แนวต้าน 9.65 – 9.85 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-10 บาท (Stop loss 9.35 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ หนุนยอดใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน โดย Consensus คาดกำไรปี 2566 โต +52% YoY เป็น 3.7 พันล้านบาท 3) PBV 3.85 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีต / Forward PE ปีนี้ 57.9 เท่า และคาดจะลดลงเหลือ 39 เท่าในปีหน้า (ค่าเฉลี่ยในอดีต 50 เท่า) ข้อมูลประมาณการฯ Bloomberg consensus
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 61 บาท / แนวต้าน 62 – 64 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 68 บาท (Trailing stop 60 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q65 – 1Q65 จากการเปิดประเทศ / การท่องเที่ยว โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปี 2566 จะกลับมาโตเด่น +32% YoY เป็น +1.9 หมื่นล้านบาท 3) Forward PE ปี 2566 คาดลดลงเหลือเพียง 29 เท่า (คิดเป็นราว -0.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต)
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 23.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 18.8 บาท / แนวต้าน 19.5 – 19.7 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 20.5 บาท (Stop loss 18.7 บาท) 2) ประเมินรับแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวใน 4Q65 และต่อเนื่องในปี 2566 (ฝ่ายวิจัยฯ คาดกําไรปี 2566 = 800 ล้านบาท โต +190% YoY) 3) คาด Sentiment บวกจากการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานหุ้น TKN ที่ MAJOR* เข้าลงทุนถือหุ้น 138 ล้านหุ้น (10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) 4) PBV 2.59 เท่า (-1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) และคาด Forward PE ปีหน้า ลดลงเหลือ 24.2 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) DITTO ผนึก ‘วงษ์สยาม – TEAMG ตั้งบริษัทบริหารจัดการน้ำ (กรุงเทพธุรกิจ) “ดิทโต้-วงษ์สยามทีม จี” ผนึกกำลังจัดตั้งบริษัทใหม่ ทุนจดทะเบียน 2 พันล้าน ลุยพัฒนาและบริหารจัดการน้ำ พร้อมผุด “บริษัท ดีทีเอ็กซ์” ถือหุ้นระหว่าง “ดิทโต้ ทีมจี” ลุยโครงการนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่

(+ กลุ่มท่องเที่ยว ERW, CENTEL) ชงครม.ของบ 18.7 พันล้าน กระตุ้นท่องเที่ยว (กรุงเทพธุรกิจ) กระทรวงท่องเที่ยวฯ ชง ครม. ของบ 8.7 พันล้าน เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนเดินหน้า “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5-TSP” ดันรายได้ ปี 66 แตะ 2.4 ล้านล้าน

(+) LEO กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 106% มั่นใจปี 66 กระโดดจาก New JV-M&A (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์” กำไรเพิ่มขึ้น 106% นิวไฮ 7 ไตรมาสติด ด้วยอานิสงส์ปริมาณการขนส่งทางเรือและทางอากาศพุ่ง พร้อมปักรายได้ขนส่งสินค้า จีน-ไทย จากการเป็นพันธมิตร China Post/Tengun และจับมือพันธมิตรใหม่ “เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท ศรีตรังโลจิสติกส์” เสริมความแข็งแกร่งขนส่งสินค้าทางรถไฟ จีน-ลาว-ไทย ครบวงจร ดันการขนส่งทางรางในปี 2566 ให้สร้างรายได้ขั้นต่ำ 200 ล้านบาท

(+) JWD ซูโลจิสติกส์ ขนส่งรถอีวีหนุน ควบรวมดันแกร่ง (ทันหุ้น) JWD มั่นใจรายได้ปี 2565 โตเข้าเป้า 15% ยืนเหนือ 6 พันล้านบาท ได้ตามเป้า จับตา Q4/2565 เด่น เข้าไฮซีซั่นธุรกิจโลจิสติกส์ มองยานยนต์ฟื้นตัว จีนลงทุน EV Car ในไทยหนุน เดินหน้าควบรวมกิจการ SCGL ปักธงปี 2570 ดันมาร์เก็ตแคปแตะ 100,000 ล้านบาท

(+) SSP กำไรโต 60% EGCO ปิดดีลมะกัน (ข่าวหุ้น) SSP ลุยซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่ม วางเป้าผลิตไฟฟ้าโตเท่าตัว แตะ 500 เมกะวัตต์ โชว์งบ 9 เดือน โต 58.9% ทำออลไทม์ไฮ บุ๊กกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะในญี่ปุ่น ด้าน EGCO* ปิดดีลใหญ่ ซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสหรัฐฯ กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ซื้อขายหุ้นเสร็จภายในไตรมาส 1/66

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • SCGP* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 56 บาท)
  • PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท) แนวรับ 7.55 บาท / แนวต้าน 7.8-7.95 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 7.45 บาท)
  • BBL* (เป้าพื้นฐาน 165 บาท) แนวรับ 143.5 บาท / แนวต้าน 147-149 บาท (Trailing stop 143.5 บาท)
  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 51 บาท / แนวต้าน 52.75-53.5 บาท (Stop loss 51 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท) แนวรับ 10.1 บาท / แนวต้าน 10.6-11.1 บาท (Stop loss 10.1 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 13.8 บาท / แนวต้าน 14.4-14.9 บาท (Stop loss 13.8 บาท)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 136 บาท) แนวรับ 105 บาท / แนวต้าน 108.5-112 บาท (Stop loss 105 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • JMT* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 72 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ ลง สะท้อนการปรับสมมติฐานใหม่ โดยเฉพาะการตามทวงถามหนี้ที่คาดจะลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงเป้าหมายเชิงรุกต่อการซื้อหนี้ใน 4Q65 และในปี 2566 คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 72 บาท (เดิม 77 บาท)
หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus
- Advertisement -