บล.บัวหลวง:
Thai Market Strategy สรุปภาพรวมผลประกอบการกำไรไตรมาส 3/65
กําไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY มีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่กลับมา หลังมาตรการที่เกี่ยวข้องกับ COVID ผ่อนคลายลง และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (สำหรับหุ้นน้ำมันและก๊าซ) มองไปข้างหน้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของกำไรในไตรมาส 4/65
กําไรสุทธิไตรมาส 3/65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY (ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 6.5%)
ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนฯ รายงานกำไรสุทธิรวมเติบโตที่ 13% YoY (ลดลง 33% QoQ) การขยายตัวของกำไร YoY มีปัจจัยหนุนมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID, กำไรกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้น และการ ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ส่วนกำไรที่อ่อนตัวลง QoQ เนื่องมาจากผลขาดทุนในสินค้าคงคลังที่มีนัยสําคัญ, ค่าการกลั่นที่หดตัวลง และรายได้ที่เกี่ยวกับ COVID ของกลุ่มรพ.ที่ลดลง
สัดส่วนบริษัทจดทะเบียนฯ ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด (ดีกว่าที่ตลาดคาดมากกว่า 5%) อยู่ที่ 26% ลดลงจาก 37% ในไตรมาส 2/65 และ 34% ของบริษัททั้งหมดรายงานผลประกอบการน้อยกว่าคาด (เพิ่มขึ้นจาก 28% ใน ไตรมาส 2/65)
สําหรับหุ้นที่เราให้คําแนะนํา ผลขาดทุนที่ไม่ใช่การดำเนินงานรวมในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 31% ของกําไรหลักไตรมาส 3/65 (เทียบกับผลขาดทุนที่ไม่ใช่การดำเนินงานรวมในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 4% ของกำไรหลักรวมในไตรมาส 3/64) กำไรจากการดำเนินงาน (หลัก) สําหรับไตรมาสนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66% YoY แต่ลดลง 17% QoQ ซึ่งกำไรรวมสูงกว่าที่เราคาด 10%
ผลประกอบการไตรมาส 3/65 ที่น่าผิดหวัง นำไปสู่การปรับลดประมาณการกําไร
นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ถึงปัจจุบัน ตลาดปรับลดประมาณการกำไรลง จากผลประกอบการไตรมาส 3/65 ที่อ่อนตัวกว่าคาด ความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคและแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกดดันแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมา (อุปสงค์การก่อสร้างชะลอตัวลง), กลุ่มสื่อ (เม็ดเงินโฆษณาอ่อนตัว), กลุ่มค้าปลีก (กำลังซื้อหดตัวลง), กลุ่มแพคเก็จจิ้ง (การค้าโลกเติบโตอย่างชะลอตัว และต้นทุนสูงขึ้น), กลุ่มพลังงาน (ราคาน้ำมันต่ำลง) และกลุ่มการเงิน (การตั้งสํารองฯ เพิ่มขึ้น ท่ามกลางคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง)
สัดส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร (จาก 5 ใน 18 กลุ่มฯ สําหรับปี 2565 และ 3 ใน 18 กลุ่มฯ สําหรับปี 2566) น้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดการณ์การปรับลดประมาณการกำาไร (13 ใน 18 กลุ่มฯ สําหรับปี 2565 และ 15 ใน 18 กลุ่มฯ สําหรับปี 2566) แต่เรายังคงประมาณการกำไรต่อหุ้นแบบ top-down ในเชิงอนุรักษ์นิยมอยู่ที่ 102 สําหรับปี 2565 และ 109 สำหรับปี 2566 ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 104.2 และ 109.6 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคในช่วงไตรมาส 4/65-ปี 2566 จะหนุนการปรับเพิ่มประมาณการกำไร