บล.บัวหลวง:
System Integrators (SI) – ไตรมาส 3/65 ธรรมดา แต่แนวโน้มไตรมาส 4/65 ที่ดี (OVERWEIGHT)
บริษัทในกลุ่มรับเหมาวางระบบรายงานตัวเลขที่ไม่ดีนักในไตรมาส 3/65 แต่มีเพียงแค่ AIT ที่รายงานกำไรที่เติบโตทั้ง YoY และ QoQ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 บริษัทมีโครงการที่จะเข้ามาในไตรมาส 4/65 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะหนุนกำไรของไตรมาสให้ดีที่สุดของปี 2565
ผลประกอบการที่ไม่สดใสในไตรมาส 3/65
3 หุ้นกลุ่มรับเหมาวางระบบที่เราให้คำแนะนำรายงานกำไรสุทธิรวมที่ 246 ล้านบาท เติบโต 2% YoY และ 7% QoQ ขณะที่กำไรหลักอยู่ที่ 263 ล้านบาท เติบโต 6% YoY แต่ลดลง 1% QoQ โดย AIT รายงานกําไรหลักที่ 157 ล้านบาท เติบโต 34% YoY และ 11% QoQ ซึ่งดีที่สุดในกลุ่ม (การผ่อนคลายข้อจํากัดที่เกี่ยวกับโควิด ส่งผลให้การเข้าทำงานง่ายขึ้น หนุนต่อโครงการใหญ่ และการเติบโตของรายได้)
กําไรหลักของ MFEC อยู่ที่ 52 ล้านบาท ลดลง 23% YoY และ 8% QoQ โดยการเติบโตของรายได้หนุนมาจากธุรกิจซ่อมบำรุงระบบและธุรกิจคลาวด์ รายได้งานวางระบบของ MFEC ลดลง 39% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 20% QoQ) เนื่องจากปัญหาความล่าช้าที่เกิดจากการขาดแคลนชิป อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.7% ลดลงจาก 17.4% ในไตรมาส 3/64 และ 19.1% ในไตรมาส 2/65 เนื่องจากสัดส่วนรายได้ที่เปลี่ยนไป (ธุรกิจคลาวด์ให้อัตรากำไรที่น้อยกว่า) ITEL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 54 ล้านบาท ลดลง 15% YoY และ 19% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18% ลดลงจาก 25% ในไตรมาส 3/64 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนยอดขาย (โครงการวางระบบให้อัตรากําไรที่น้อยกว่า) กำไรหลักที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจาก 1) สัญญางานบริการโครงข่าวฉบับหนึ่งถูกยกเลิกก่อนกำหนด และ 2) โครงการช่วงต้นปีทยอยจบ ขณะที่โครงการใหม่ๆที่สําคัญยังไม่เข้ามา
กําไรไตรมาส 4/65 มีแนวโน้มที่จะดีที่สุดของปี 2565
สําหรับ MFEC เราคาดกำไรหลักที่ 109 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 เติบโต 12% YoY และ 107% QoQ โครงการมักจะเริ่มในไตรมาส 4 และผู้บริหารมั่นใจว่าโครงการที่ล่าช้ามาจะสามารถส่งมอบได้ภายในสิ้นปี 2565
เราคาด AIT จะรายงานกำไรหลักที่หดตัว 8% YoY (ฐานที่สูงในไตรมาส 4/64 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 26%) แต่เติบโต 39% QoQ (การรับรู้รายได้ที่มากขึ้น จากโครงการที่ให้อัตรากำไรที่สูงขึ้น ซึ่งเริ่มโครงการตั้งแต่ไตรมาส 3/65) สําหรับ ITEL เราคาดกำไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 84 ล้านบาท หดตัว 11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 56% QoQ เนื่องจาก Blue Solutions ได้ 2 โครงการ จาก กฟผ.มูลค่า 317 ล้านบาท
พร้อมที่จะไปต่อ
เราปรับลดประมาณการทําไรหลักปี 2565 สําหรับ ITEL จาก 277 ล้านบาท ลงมาเหลือ 259 ล้านบาท (เติบโต 3% YoY) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 3/65 เราคาดกำไรหลักปี 2566 จะเติบโต 21% หนุนมา จากโครงการใหม่ๆ ที่ให้อัตรากำไรที่สูง เราปรับราคาเป้าหมายไปเป็นสิ้นปี 2566 ที่ 4.50 บาท ส่วน AIT นั้น CEO ของ AIT ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ ปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 2565 ลงจาก 7,400 ล้านบาท มาเหลือ 6,800 ล้านบาท (เราคาดเอาไว้ที่ 7,105 ล้านบาท) เราจึงปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2565 ลงจาก 642 ล้านบาท มาเหลือ 595 ล้านบาท (ลดลง 3% YoY) โดยการปรับลดนี้เป็นเพราะผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2565 ที่อ่อนแอ แต่กำไรหลักปี 2566 ยังจะเติบโต 10% YoY ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมาย สิ้นปี 2566 ที่ 7.60 บาท สำหรับ MFEC เรามีราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 10.80 บาท เราคาดกำไรปี 2566 จะเติบโต 18% YoY หนุนมาจากการปรับตัวไปสู่ยุคคลาวด์และการลงทุนในฟินเทค