ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ เทรดไซด์เวย์ / ลบในกรอบจำกัด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ เทรดไซด์เวย์ / ลบในกรอบจำกัด…..หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาด เพราะ i) จิตวิทยาหุ้นเอเชียถูกกระทบจากข่าวขีปนาวุธตกในประเทศโปแลนด์ ส่งผลให้กลุ่ม G-7 เรียกประชุมฉุกเฉิน และ ii) ตลาดเพิ่มความกังวลต่อมาตรการ zero-COVID ในประเทศจีน หลังตัวเลขติดเชื้อฯ ในจีนพุ่งทะลุ 2 หมื่นคนต่อวัน… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง กล่าวคือ i) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) 2 ท่าน ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดจะชะลอลง และระดับสูงสุด (terminal interest rate) ของดอกเบี้ยเฟดน่าจะอยู่ที่ 5.00% ซึ่งก็เท่ากับเป้าหมายดอกเบี้ยตามสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ ณ ขณะนี้ ii) นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน และจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง เดือน ต.ค. ที่จะออกมาในคืนวันนี้ ทั้งนี้ เมื่อคืนสหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.30% MoM ดีกว่าที่ consensus คาดการณ์ แต่ขณะเดียวกัน Target Corp. ซึ่งเป็นห้างขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ กลับรายงานงบไตรมาส 3/2565 ต่ำกว่าคาด และให้แนวโน้มธุรกิจที่อ่อนแอในไตรมาส 4/2565… ด้านค่าเงินบาทพลิกมาอ่อนค่า ตั้งแต่เมื่อคืนต่อเนื่องเช้าวันนี้ หลังจากเงินบาทแข็งค่าเร็วมากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในระยะสั้นมากอาจเห็นการชะลอตัวของฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่ฝ่ายวิจัยฯ คงมุมมองเชิงบวกต่อฟันด์โฟลว์ในระยะถัดไป หนุนโดย GDP ของไทยที่น่าจะเร่งตัวต่อเนื่องถึงปี 2566… ทั้งนี้สภาพัฒน์ฯ จะรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2565 ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ย.

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร KSL, ILM, BEM*

  • KSL (เป้า Consensus 5.39 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.7 บาท / แนวต้าน 3.8 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้านถัดไป 4.0 – 4.1 บาท (Stop loss 3.62 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) ราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง +12.8% MTD ii) คาดเริ่มเปิดหีบอ้อยฤดูกาลใหม่ 2565/66 ในต้นเดือน ธค.นี้ และคาดปริมาณอ้อยเข้าหีบปีนี้เพิ่มขึ้น +16% YoY เป็น 107 ล้านตัน หนุนปริมาณขายน้ำตาลปี 2565/66 ของโรงงานน้ำตาล iii) คาดการเปิดประเทศ การท่องเที่ยวหนุนยอดใช้เอทานอล (แก๊สโซฮอล์) 3) ฝ่ายวิจัยฯคาดผลการดำเนินงาน BBGI (KSL ถือหุ้น 29.88%) จะฟื้นตัวใน 4Q65 (คาดไม่มีผลขาดทุนสต๊อกจำนวนมากเช่นใน 3Q65 และปริมาณขายไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น) 4) Forward PE ต่ำเพียง 12.2 เท่า … Bloomberg consensus
  • ILM (เป้า Consensus 22.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.2 – 18.7 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 19.5 บาท (Stop loss 17.3 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงาน 4Q65 – 1Q65 รับอานิสงส์บวก i) การเร่งโอนบ้านและคอนโดฯ ช่วงปลายปี ก่อนกลับมาเริ่มใช้เริ่มมาตรการ LTV ปีหน้า หนุนยอดขายเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ii) คาดการเปิดประเทศ การท่องเที่ยว หนุนธุรกิจ Community mall และ iii) ลุ้นมาตรการช้อปช่วยชาติปลายปีนี้ – ต้นปี 2566 3) Forward PE ปี 2565 – 66 ต่ำเพียง 14.1 เท่า และ 12.7 เท่า ตามลำดับ (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ค้าปลีกที่ +30 เท่า) ขณะที่ Consensus คาดผลการดำเนินงานโตเฉลี่ย +25% CAGR 2564 -66
  • BEM* (เป้า Consensus 10.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.4 บาท / แนวต้าน 9.65 – 9.85 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-10 บาท (Stop loss 9.35 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ หนุนยอดใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน โดย Consensus คาดกำไรปี 2566 โต +52% YoY เป็น 3.7 พันล้านบาท 3) PBV 3.83 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีต / Forward PE ปีนี้ 57 เท่า และ =คาดจะลดลงเหลือ 38 เท่าในปีหน้า (ค่าเฉลี่ยในอดีต 50 เท่า) … Bloomberg consensus

หุ้นมีข่าว

(+) OR* ดัน “โอ้กะจู๋” เข้าตลาดหุ้น (ไทยรัฐ) นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า จากการเยี่ยมชมสวนผักโอ้กะจู๋ ต.ดอย สะเก็ด อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งโออาร์ถือหุ้น 20% นั้น พบว่ามีการเตรียมความพร้อมที่จะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการถือหุ้นและระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

(+) ชาติศิริ รับสปอนเซอร์ใหม่ ลดดอกเบี้ยยึดหนี้ JASIF ADVANC ผู้ถือหน่วยเฮ! ลุ้นเงินปันผลเพิ่มอีก (ข่าวหุ้น) แบงก์กรุงเทพฯ แจกข่าวดีต้อนรับ AIS ในฐานะสปอนเซอร์ใหม่ JASIF “ชาติศิริ” เคาะลดดอก เหลือ MLR-0.5% จากเดิม MLR พร้อมยึดหนี้ให้ปีหน้าจ่ายแค่ 50 ล้านบาท จากปีละ 1 พันล้านบาท ด้านกสิกรไทยมองส่งผลดีต่อ ADVANC และผู้ถือหน่วย มีลุ้นรับเงินปันผลเพิ่ม หลังต้นทุนทางการเงินลด ส่วน JAS รับปันผลพิเศษ 2 บาท ปี 66 ADVANC เป้า 252 บาท และ JASIF 9.2 บาท

(+) RS เปิดดีลใหม่ธุรกิจสัตว์เลี้ยง จับตางบ Q4 เด่น (ทันหุ้น) RS รุกธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หวังสร้าง Ecosystems ให้กับธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยง ปักธงปี 2566 ขยายอีก 30-40 สาขา จากปัจจุบัน 17 สาขา สร้างรายได้กว่า 700-800 ล้านบาท จับตาไตรมาส 4/65 ผลงานเด่น

(+) WHA* การันตีกำไรปีนี้นิวไฮ ชี้ Q4 พีกสุดโอนที่ดิน 300 ไร่ (ข่าวหุ้น) WHA ปีนี้กำไรนิวไฮ หลังคาดรายได้โตทะลุ 20% ส่งซิกไตรมาส 4/65 รายได้-กำไรฟิกสุดของปีนี้ หลังบุ๊กโอนที่ดินให้ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน 300 ไร่ ตุนแบ็กล็อกที่ดินรอโอน 1,300 ไร่ หนุนยอดขายที่ดินปีนี้ทะลุ 1,650 ไร่ พร้อมร่วมออกบูธในงานประชุมเอเปค 2022 ชูนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน

(+) BRR – JMART* วินทั้งคู่ ปล่อยสินเชื่อชาวไร่อ้อย (ข่าวหุ้น) “น้ำตาลบุรีรัมย์” จับมือ “เจ มาร์ท” ป้อน ลูกค้าชาวไร่อ้อย 2 หมื่นครัวเรือน จำนำทะเบียนรถอีก 2.5 พันคัน ให้ JMART* เริ่มทยอยออกมาต้นปี 66 ด้าน “อนันต์” รับค่าบริหารจัดการ ขณะที่ “อดิศักดิ์” ได้ขยายฐานลูกค้าผ่านซิงเกอร์และ KBJ หนุนเจ มาร์ท กำไรโตตามเป้า 50%

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • SCGP* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 56 บาท)
  • PLANB* (เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 7.65 บาท)
  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 61 บาท / แนวต้าน 62 – 64 บาท (Trailing stop 60 บาท)
  • MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 23.8 บาท) แนวรับ 18.7 บาท / แนวต้าน 19.4 – 19.7 บาท (Stop loss 18.7 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท) แนวรับ 10.1 บาท / แนวต้าน 10.6 – 11.1 บาท (Stop loss 10.1 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 13.9 บาท / แนวต้าน 14.4 – 14.9 บาท (Stop loss 13.8 บาท)
  • SCB* (เป้าพื้นฐาน 136 บาท) แนวรับ 105.5 บาท / แนวต้าน 108.5 – 112 บาท (Stop loss 105 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • GPSC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 74 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ คงมุมมองที่เป็นบวก ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานปีหน้าจะกลับมาโตเด่น +68% YoY หลักๆ จากต้นทุนพลังงานที่เริ่มลดลง ขณะที่ผู้บริหารตั้งเป้าประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีก 5.2GWh (เน้นโซลาร์ฟาร์มกับพลังงานลม) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
  • BPP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก แม้ผลการดำเนินงาน 4Q65 คาดจะชะลอตัวลง QoQ เพราะเป็น Low season แต่คาดผลการดำเนินงานของโครงการต่างๆ จะฟื้นตัวในปีหน้า และผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 5.3GWh (จากปัจจุบัน 3.2GWh) ภายในปี 2568
  • PTTGC แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 45 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง คาดกำไร 4Q65 จะดีขึ้น QoQ จาก i) ผลขาดทุนสต๊อกลดลง ii) คาดพลิกมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานหลักยังคงอ่อนแอ จากแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน และ Spread ปิโตรเคมีหลักๆ ยังต่ำ ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 45 บาท (เดิม 46 บาท) คงแนะนำ “ถือ” และคาด Spread ปิโตรเคมีจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2567 (คาดอุปทานใหม่จะไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม)

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -