บล.บัวหลวง:
IRPC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
- ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมายืนยันมุมมองของเราต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมใน 4Q22 และการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
Highlights:
- ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและค่าการกลั่นใน 4Q22 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น QoQ หนุนโดยอุปสงค์ในช่วงฤดูหนาวและอุปสงค์การใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซ ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนต่างราคาดีเซลและส่วนต่างราคาน้ำมันเตาปรับตัวสูงขึ้น
- ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีทั้ง PP, HDPE, และ ABS ใน 4Q22 มีแนวโน้มอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อคดาวน์ในจีน, และปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ในขณะที่การเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่เป็นอีกปัจจัยที่จะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนน่าจะส่งผลให้อุปสงค์ปรับตัวดีขึ้นบางส่วน ในขณะที่การลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตหลายรายจะช่วยลดอุปทานในตลาด ซึ่งน่าจะช่วยไม่ให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวลงไปมากกว่านี้
- IRPC พยายามปรับลดค่าใช้จ่ายและบริหารจัดการการผลิตและการขายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอในระยะสั้น สำหรับกลยุทธ์สำหรับการเติบโตในระยะยาว บริษัทแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Material Solution (advanced materials, health & life science เป็นต้น) และ Energy Solution (future energy, energy storage เป็นต้น) ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนน่าจะเป็นรูปแบบของ M&A, JV, และ/หรือการลงทุนร่วมกับพันธมิตร บริษัทคาดว่าการลงทุนเหล่านี้จะหนุนให้สัดส่วน EBITDA จากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 20% ของเป้าหมาย EBITDA ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 2025 (จากปัจจุบันที่มีเพียงเล็กน้อย)
- สถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วน net debt/equity อยู่ที่เพียง 0.7 เท่า (ต่ำกว่าระดับนโยบายภายในที่ 1 เท่า) และมีเงินสดในมือราว 4 พันล้านบาท ณ สิ้น 3Q22 บริษัทจึงมีความพร้อมสำหรับการลงทุนใหม่ๆ หากมีโอกาส
View From Fundamental:
- ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของค่าการกลั่นใน 4Q22 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของเราจากการลงทุนใหม่ๆ มูลค่าหุ้น IRPC ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้น ปี 2023 ที่ 0.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.3 เท่าอยู่ 1.5SD) เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ที่ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท”