Daily Focus: Selective/Domestic Play

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด ลงทดสอบใกล้แนวรับ 1,610 จุด จาก Sentiment ลบของฝั่งจีนที่มีการประท้วงนโยบาย Zero COVID แต่ยังคงเห็นแรงซื้อเข้ามาประคอง และทำให้ดัชนีปิดลบแคบลงเหลือ 3.93 จุด ณ สิ้นวัน ส่วนมูลค่าการซื้อขายยังเบาบางเพียง 3.9 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 586 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 666 ลบ. (และพลิกกลับมา Long Index Futures เกือบ 1.7 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยยังคงมีแนวรับสำคัญระยะสั้นที่ 1,610 จุด ตลาดยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุน และยังคงมีแรงกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในจีน ทั้งการระบาดและ Lockdown รวมถึงการประท้วงรัฐบาล ขณะที่ Dollar Index ขยับพลิกมาแข็งค่าขึ้นบ้างหลังประธาน FED หลายสาขายังคงออกมาเน้นย้ำถึงทิศทางดอกเบี้ยของ FED ที่จะยังคงปรับขึ้น โดยประเมินว่าจะ Peak ใน 1Q23 กลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัวได้บ้างหลังราคาน้ำมันดิบเริ่ม Rebound หลังมีกระแสว่า OPEC+ อาจปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค. 22 ภาพรวมปัจจัยภายนอกยังดูค่อนไปในทางลบรวมถึงความเสี่ยง Recession ที่ยังอยู่ในปีหน้า สะท้อนผ่านตัวเลขส่งออกไทยเดือน ต.ค. ที่เริ่มพลิกมาหดตัว ตอกย้ำว่าปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยหนุนหลักใน SET Index ยังแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่นๆ พรุ่งนี้รอติดตามการประชุมกนง.ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ขึ้นเป็น 1.25% รวมถึงความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นพรบ.เลือกตั้ง ส.ส. ในส่วน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่ใช้จำนวนหาร 100 เรายังคงมองบวกในระยะยาวต่อเศรษฐกิจ และกระแสเงินทุนที่คาดยังมีแนวโน้มทยอยไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่อง หลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : BBL, DOHOME, EKH, MAKRO, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : PR9

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 21 บาท
  • ผู้บริหารมั่นใจว่ารายได้ปี 2022 จะสูงกว่าที่เคยคาดที่ 3.9 พันลบ. (เราคาด 4 พันลบ.) ล่าสุดรายได้เดือน ต.ค. ยังเติบโตได้ +20% Y-Y เบื้องต้นแนวโน้มกำไร 4Q22 คาดทรงตัวถึงปรับขึ้น Q-Q แต่โตแรง Y-Y หนุนจาก Pent-Up Demand ผู้ป่วยไทย
  • FSSIA คาดกำไรปี 2022-2023 +117% Y-Y และ +5% Y-Y ตามลำดับ ราคาหุ้นเทรด 2023PER ราว 24 เท่า ยังต่ำกว่า BDMS และ BH เทรดราว 35-40 เท่าอย่างมีนัยยะ
  • แนวรับ 16.70-16.50 บาท แนวต้าน 18//18.50 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$305 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$287 ล้าน และ US$148 ล้าน ตามลำดับ จากความกังวลสถานการณ์ COVID-19 ในจีนทั้งการระบาดและการประท้วง อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินยังคงไหลเข้าอาเซียนทุกประเทศ นำโดยเวียดนาม US$68 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในจีน รวมถึงประธาน FED หลายสาขาออกมาเน้นย้ำถึงดอกเบี้ยของ FED ที่จะยังเห็นการปรับขึ้นเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ส่งออกไทยเดือน ต.ค. ต่ำกว่าคาด -4.4% Y-Y จากที่ตลาดคาด +6% Y-Y รวมถึงพลิกจาก +7.8% Y-Y ในเดือน ก.ย. ปัจจัยกดดันหลักเกิดจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงจีนที่ยังคงใช้นโยบาย Zero COVID และเป็นการหดตัวในทุกตลาดหลักยกเว้น CLMV ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนเทียบกับปีก่อนชดเชยได้ไม่หมด สินค้าที่ยังดูแข็งแรง คือ อาหาร และส่วนประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางรายการ ด้านการนำเข้า -2.1% Y-Y ต่ำกว่าคาดที่ +10% Y-Y จากราคาพลังงานที่ชะลอและการน่าเข้าสินค้าทุนที่หดแรง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก ภาพรวมสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าการส่งออกในปี 2023 จะไม่ได้เป็นเครื่องยนต์หลักที่หนุนเศรษฐกิจจากฐานยกสูงในปี 2021-2022 รวมถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอ ยังชอบ Domestic/Reopening Play มากกว่า

(0) ประชุมครม. จับตาวาระมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 6 ล่าสุด รมว.คลังระบุว่าไม่มีความจําเป็นต้องมีอีก เนื่องจากการบริโภคฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อน GDP ตั้งแต่ 3Q22 เป็นต้นไป  แต่จะยังมีมาตรการส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมเป็นของขวัญปีใหม่ โดยพรุ่งนี้คาดว่าจะมีการเสนอโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เข้าที่ประชุม เพราะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้ จ่ายสำหรับผู้มีกำลังซื้อสูงอย่าง ช้อปดีมีคืน ออกมาเพิ่มเติมในช่วงปลายปี – ต้นปีหน้า มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ร้านอาหาร เราชอบ CPALL MAKRO HMPRO DOHOME M AU CENTEL

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 33,849.46 จุด ลดลง 497.57 จุด หรือ -1.45% จากความกังวลการประท้วงต่อมาตรการควบคุม Covid ในจีน ซึ่งจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ตามทิศทางการปรับลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งกังวลกับสถานการณ์ Covid ในจีน

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ยังคงกังวลกับสถานการณ์ Covid ในจีน

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 35.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.26% ปิดที่ 77.24 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดคาดว่ากลุ่มประเทศโอเปกและโอเปกพลัส มีโอกาสปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลงในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค. ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 76.55 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.89%

(0) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 13.7 ดอลลาร์ หรือ 0.78% ปิดที่ 1,740.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ในขณะที่เช้าน้ปรับขึ้นต่อระดับ 1,740.6 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.11%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคํา 908.09/-0.87

- Advertisement -